แม้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่ค่อยรู้ว่า กูเกิล (Google) ได้พัฒนาการแปลภาษา ให้ทุกคนได้ใช้ง่ายขึ้น ด้วยการใช้งานผ่าน แอพพลิเคชั่น Google Translate แอพฯ แปลภาษาของกูเกิล ที่มีฟีเจอร์ Instant translate แปลภาษาง่ายๆ แค่จ่อกล้องจากโทรศัพท์มือถือ ไปยังป้าย กระดาษ เมนู ซึ่งมีตัวอักษรภาษาต่างๆ ซึ่งเราไม่รู้ความหมาย ซึ่งมันจะแปลคำเหล่านั้น เป็นภาษาที่เราต้องการทันที แม้ไม่ต้องออนไลน์
ซึ่งช่วงแรกที่กูเกิลปล่อยแอพฯ ออกมานั้น สามารถรองรับได้เพียง 7 ภาษาเท่านั้น แต่ตอนนี้ กูเกิลได้ทำการอัพเดตแอพฯ Google Translate ให้สามารถแปลได้ถึง 37 ภาษา ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็คือ ภาษาไทย ด้วย
สำหรับการใช้ Google Translate ผ่านแอพฯ บนมือถือ ทำได้ง่ายๆ แค่เพียง ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Google Translate ผ่านทาง IOS หรือ Android จากนั้น ไปที่ Setting แล้วเลือกเมนู แปลโดยกล้อง หรือ Instant camera language แล้วเข้าไปที่เพิ่มภาษา โดยเราต้องโหลดภาษาไทยมาก่อน เมื่อโหลดมาได้แล้ว ก็เลือกการใช้งานภาษาที่ต้องการได้เลย เช่น แปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย เมื่อเลือกแล้ว ก็กลับไปที่เครื่องมือ Word Lens หรือรูปกล้องที่มีเครื่องหมายบวกอยู่ตรงกลาง แล้วยกสมาร์ทโฟน เล็งไปที่ป้าย หรือ อักษรที่ต้องการจะแปล แล้วคำแปลก็จะเด้งขึ้นมาให้เห็นทันที
อย่างไรก็ตาม การแปลภาษาผ่านแอพฯ Google Translate นี้ ยังทำได้อีก 2 วิธี คือ การแปลภาษาผ่านเสียงสนทนา ซึ่งกูเกิลได้ปรับปรุงในส่วนของ Voice conversation หรือการรับรู้ผ่านเสียง ให้มีความรวดเร็ว และแม่นยำมากขึ้น และเท่าที่ลองก็พบว่า แม้สำเนียงภาษาอังกฤษของเรา จะไม่ได้ออกเสียงถูกต้องเป๊ะเว่อร์เหมือนเจ้าของภาษา 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ต้องไม่เพี้ยนจนฟังไม่รู้เรื่อง กูเกิล ก็สามารถแปลออกมาได้ถูกต้อง
ส่วนอีกวิธีคือ การเขียน เพียงแค่เขียนคำที่ต้องการจะแปลลงไปบนหน้าจอสมาร์ทโฟน จากนั้นกูเกิลก็จะแปลคำที่เราเขียน ออกมาเป็นภาษาที่เราต้องการได้ แต่ใครที่จะใช้ฟีเจอร์นี้ แนะนำว่า อย่าเว้นช่วงในการเขียนมากเกินไป เพราะกูเกิลอาจคิดว่าคุณเขียนเสร็จแล้ว และจับคำที่ยังไม่สมบูรณ์ขึ้นไปแปลเลย ซึ่งอาจต้องเสียเวลามานั่งเขียนใหม่ และที่สำคัญ หากหน้าจอสมาร์ทโฟนของคุณไม่ได้ใหญ่บิ๊กเบิ้มแล้วล่ะก็ คุณก็จะมีพื้นที่ในการเขียนน้อยมากเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการแปลภาษาของฟีเจอร์นี้นั้น ยังสามารถแปลได้คำต่อคำเท่านั้น ไม่สามารถแปลออกมาเป็นรูปประโยคได้อย่างสวยงามทั้งหมด แต่ข้อดีคือเป็นเครื่องมือที่เหมือนเป็นตัวช่วยสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศได้ไม่น้อย ซึ่งตอนนี้ นักพัฒนาของกูเกิลเองก็กำลังพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผ่านแมชชีน เลิร์นนิ่ง ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ทำให้กูเกิลทำงานได้ฉลาดมากขึ้น
ก็เหมือนกับคำกล่าวของ ‘อีริค ชมิดต์’ ประธานผู้บริหารกูเกิล ที่ว่า ‘เป้าหมายของกูเกิล ต้องการให้ทุกคนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ และมีแมชชีน เลิร์นนิ่ง ที่เอื้อต่อผู้ใช้งานมากขึ้น’
จะรออะไรกัน โหลดเลย!!!