ที่มา: khaosod

นำเสนอข่าวโดย โดดเด่นดอทคอม

ภาพ ข่าวสด

สะเทือนใจคนรักแมว ! “เบบี้ส์” แมวแก่อายุ 15 ปี ถูกสัตวแพทย์ฉีดยาให้ตาย-เหตุเพราะป่วยหนักและเข้าใจผิดว่าเป็นแมวจรจัด

เว็บไซต์โดดเด่นดอทคอม ( www.dodeden.com ) รายงานว่า เหตุการณ์ที่แสนเศร้าสะเทือนใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนรักแมวเมื่อ”เคียน่านีสัน “เด็กหญิงวัย 10 ขวบ ต้องสูญเสีย “เบบี้ส์” แมวที่เธอรักมากไป

หลังจากที่มันออกไปวิ่งเล่นนอกบ้านแล้วหายไปข้ามวันข้ามคืน ก่อนที่สุดท้ายแล้ว จะจบชีวิตลงด้วยการถูกสัตวแพทย์ฉีดยาให้นอนหลับไปชั่วนิรันดร์

14255733461425627177l

ตามรายงานระบุว่า”จูลี่นีสัน”แม่ของเคียน่าปล่อยเบบี้ส์ออกไปวิ่งเล่นนอกบ้านตอนกลางคืนแต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องเรียกกลับเข้ามาแล้ว มันก็ไม่มา เธอและเคียน่า รวมทั้งลูกสาววัย 15 ปีอีกคน จึงรีบออกไปตามหา แต่ก็ไม่พบ

กระทั่งวันรุ่งขึ้น เพื่อนบ้านคนหนึ่งที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ ก็เจอตัวเบบี้ส์ซึ่งตอนนั้นปลอกคอมันหลุดหายไป ต่อจากนั้นก็พาไปหาสัตวแพทย์

ซึ่งหลังจากที่ทำการวินิจฉัยแล้ว ก็พบว่าเบบี้ส์เป็นโรคไตวายเรื้อรัง และด้วยความที่ไม่สามารถชี้ตัวเจ้าของได้ เนื่องจากไม่มีป้ายปลอกคอ หรือไมโครชิปมายืนยัน

ทำให้สัตว์แพทย์เกิดความสงสารว่าเจ้าแมวน้อยจะต้องอยู่ตัวเดียวดายอย่างทุกข์ทรมานจึงตัดสินใจฉีดยาให้มันจากไปอย่างสงบเสีย

14256270441425627065l

ต่อมาจูลี่ก็ได้รู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับแมวอันเป็นที่รักของลูกสาวเธอจึงรีบรุดหน้าไปยังคลินิคทันทีแล้วก็ต้องแทบล้มทั้งยืนเมื่อสัตวแพทย์ส่งเบบี้ส์คืนมาให้ในสภาพศพแช่แข็งรอวันถูกโยนทิ้ง

“เพื่อนบ้านเรารู้จักเจ้าเบบี้ส์ดีแล้วทุกคนก็รักเอ็นดูและตามใจมันไม่ต่างจากเราถึงขั้นที่ว่าบางทียอมให้มันเข้าไปนอนในบ้านเลยด้วยซ้ำแล้วพอวันรุ่งขึ้นมันก็จะกลับมาหาเราเอง” จูลี่เล่า และว่า “คืนนั้นเราเรียกหามันจนถึงตี 2 เลยคิดว่า มันคงไปนอนในบ้านใครสักคนมั้ง ประเดี๋ยวตอนเช้าก็คงกลับมาเอง

แต่ปรากฎว่าวันรุ่งขึ้นมันถูกพาไปคลินิคตอน 5 โมง 10 นาที แล้วอีก 20 นาทีถัดมา มันก็ถูกฉีดยาให้ตาย ฉันเลยยืนกรานว่ายังไงก็ต้องขอพบสัตวแพทย์คนนี้ จะถามว่ามาฆ่าแมวของเราทำไม

แล้วตอนเอาศพเบบี้กลับบ้าน ฉันก็จำใจต้องบอกความจริงอันแสนเจ็บปวดให้ลูกสาวรู้ เธอใจสลายมาก เช่นเดียวกับพวกเราทุกคน”

 ด้านสัตว์แพทย์ที่ฉีดยาฆ่าเบบี้ส์ก็โพสต์ข้อความขอโทษครอบครัวนี้ลงบนเฟซบุ๊ก โดยพยายามชี้แจงว่า ทั้งหมดนี้เขาไม่ได้อยากทำ มันเป็นการตัดสินใจที่เจ็บปวดมาก

เขาเพียงแค่สงสารเจ้าแมวน้อยที่ต้องมาทรมานกับโรคร้าย และตอนนั้นเขาก็เข้าใจว่ามันเป็นแมวจรจัด ทำให้คิดว่า ถ้าป่วยเรื้อรังขนาดนี้และไม่มีคนดูแลแล้ว มันจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร

“ผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวเจ้าของแมวตัวนี้ด้วยครับผมขอโทษที่ทำไปโดยพลการและก็เข้าใจด้วยว่ามันเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดรวดร้าวขนาดไหน

แต่คือตอนนั้นมีผู้หญิงคนนึงพาแมวตัวนี้มาหาเราตอนแรกเธอให้เราสแกนหาไมโครชิปเพื่อยืนยันตัวเจ้าของมันก่อนแต่เราก็ไม่เจอ ไม่มีอะไรยืนยันได้

จากนั้นผมก็ตรวจร่างกายมัน แล้วก็พบว่าไตมันโตมากผิดปกติ อีกทั้งร่างกายมันยังโทรมไปหมด ผอม น้ำหนักลดฮวบจนน่ากลัว แล้วก็ตรวจเลือดด้วย คือดูแล้วยังไงๆสภาพมันก็เกินที่จะเยียวยามาก เลยคิดว่าการทำให้มันจากไปอย่างสงบน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

แต่ขอให้ผมได้ยืนยันเถอะครับว่าจริงๆแล้วการทำแบบนี้เป็นทางเลือกสุดท้ายของผมเลย เพราะตัวผมเองก็เป็นคนรักสัตว์ ที่บ้านอุปการะแมวไว้ 4 ตัว ซึ่ง 3 ตัวจากในนั้นถูกรถชนมา แล้วผมก็เป็นคนเอามันมารักษาจนหายดี และเลี้ยงไว้เอง เนื่องจากไม่มีใครมาขอตัวพวกมันไป”สัตวแพทย์กล่าว

โฆษกของคลินิคก็ชี้แจงว่า พวกเขาเข้าใจดีว่าครอบครัวต้องเจ็บปวดขนาดไหนเพียงแต่ตอนนั้นเจ้าเบบี้ส์ถูกนำมาในสภาพแมวจรจัดไม่มีอะไรมายืนยันได้ว่ามันมีเจ้าของบวกกับโรคร้ายที่ต้องเผชิญอยู่จึงจำใจต้องฉีดยาฆ่าเพราะมันคงไม่สามารถใช้ชีวิตเองโดยไม่มีคนดูแลได้

14256270441425627091l

บรรดาเพื่อนบ้านของครอบครัวนีสันต่างก็ระดมเงินมาช่วยค่าจัดงานศพของเบบี้ส์ส่วนตัวเคียน่าเองเธอก็ได้เขียนจดหมายร่ำลาอันสุดแสนสะเทือนใจถึงแมวน้อยที่เธอรักด้วยความว่า...”เบบี้ส์ …แกมีความหมายต่อชีวิตของฉันมาก

อยากให้แกกลับมาอยู่ด้วยกันจัง จากนี้ไปฉันจะต้องคิดถึงแกแบบสุดๆแน่ๆ ขอให้แกมีความสุขบนสวรรค์มากๆนะ ขอให้มีเพื่อนเยอะๆ แกจะยังอยู่ในใจฉันและทุกคนตลอดไป รักแกที่สุดนะ”

เรื่องน่าสนใจ