นักร้องลูกทุ่งนุ่งสั้น ใบเตย-สุธีวัน ทวีสิน โหมงานหนักเดินสายเต้นแน่นอกทุกวัน ทำให้ก่อนหน้านี้สภาพร่างกายไม่แข็งแรง มีเลือดออกทางช่องคลอด จนสาวเจ้าต้องหยุดพัก ล่าสุดอัพเดตอาการดีขึ้น แต่มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคช็อกโกแลตซีสต์
“อาการดีขึ้นหมดทุกอย่าง เราเองก็ตรวจทุกอย่างเลยค่ะ พอได้มีเวลารักษามันก็หาย คุณหมอบอกว่าเป็นโรคไตรกลีเซอไรด์ไขมันในเส้นเลือด เลยทำให้ระบบฮอร์โมนมีปัญหาทุกครั้งที่มีภาวะประจำเดือน ทำให้ไม่ปกติเหมือนผู้หญิงทั่วไป อาการจะปวดมาก แล้วมีเลือดที่ไม่สมบูรณ์ แต่ถ้าไม่ดีขึ้นก็แสดงว่าเราเป็นโรคช็อกโกแลตซีสต์ ถ้าเป็นจริงๆ ก็ต้องผ่าตัด ตอนนี้ก็รอดูอย่างเดียวค่ะ ถ้าอีก 1-2 เดือนยังเป็นอยู่ก็คงต้องผ่าตัดดูเนื้อเยื่อ เหมือนเราไม่ได้พักผ่อนด้วย ถ้าได้หยุดวันไหนก็เข้าโรงพยาบาลวันนั้นแหละค่ะ ก็กังวลว่าจะมีผลระยะยาว แต่หนูก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะเราทำงานทางนี้ เพิ่งเข้าใจเลยว่าการพักผ่อนของเราในวันนี้คือเข้าโรงพยาบาล”
เราควรทำความรู้จักกับ”ช็อกโกแลตซีสต์” ซึ่งเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวเรามากๆ
ช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) หรือ ถุงน้ำช็อกโกแลต ในทางการแพทย์เรียกว่า “เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิดที่” (Endometriosis) เกิดจากเลือดประจำเดือนที่ปกติต้องไหลออกมาทางช่องคลอด แต่กลับไหลย้อนกลับเข้าไปในช่องท้องผ่านท่อรังไข่ และนำเซลล์ของเยื่อบุโพรงมดลูกเข้าไปด้วย เมื่อเซลล์นี้ไปฝังตัวอยู่ที่อวัยวะไหนก็จะเกิดถุงน้ำขึ้นที่อวัยวะนั้น เช่น อุ้งเชิงกราน ท่อรังไข่ ลำไส้ ช่องคลอด มดลูก ฯลฯ
บริเวณที่พบช็อกโกแล็ตซีสต์ได้บ่อยคือรังไข่ เนื่องจากบริเวณรังไข่เป็นบริเวณที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง จึงเหมาะแก่การเจริญเติบโต แต่ถ้าเยื่อบุโพรงมดลูกแทรกเข้าไปในกล้ามเนื้อมดลูกจะไม่กลายเป็นซีสต์ ทว่าจะกลายเป็นพังผืดหรือก้อนในกล้ามเนื้อมดลูกแทน เพราะกล้ามเนื้อมดลูกค่อนข้างแข็ง และเราเรียกภาวะนี้ว่า “Adenomyosis” ซึ่งผลที่ตามมาคือภาวะปวดท้องประจำเดือนอย่างรุนแรง ประจำเดือนมามาก และมีบุตรยาก
ทั้งนี้ เมื่อเวลาที่ผู้หญิงมีประจำเดือน เยื่อบุโพรงมดลูกจะลอกตัวออกมา ถุงน้ำที่ฝังตัวอยู่ก็จะมีเลือดออกด้วย แต่เมื่อเลือดประจำเดือนออกหมดแล้วในเดือนนั้น ร่างกายก็จะดูดน้ำจากถุงกลับมา ทำให้เลือดในถุงเข้มข้นขึ้น หากเลือดค้างอยู่ในถุงน้ำนาน ๆ จะกลายเป็นสีน้ำตาล มีลักษณะเหมือนช็อกโกแลต จึงเรียกว่า “ถุงน้ำช็อกโกแลต” หรือ “ช็อกโกแลตซีสต์” นั่นเอง
นั่นหมายความว่า แต่ละเดือนที่ผ่านไป ถุงน้ำก็จะยิ่งมีเลือดออกเพิ่มขึ้น และขยายใหญ่ขึ้น แต่จะใหญ่เร็วมากน้อยแค่ไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของคนคนนั้นว่า จะดูดน้ำกลับได้เร็วเท่าไหร่ ถ้าร่างกายดูดน้ำกลับได้เร็ว ถุงน้ำนั้นก็จะโตขึ้นแบบช้า ๆ
1.การใช้ยา หากถุงน้ำที่พบเป็นถุงน้ำขนาดเล็ก แพทย์จะให้ยารักษา โดยอาจจะให้ทานยา หรือฉีดยาเพื่อลดขนาดซีสต์ ซึ่งยาที่ใช้ก็มีทั้งกลุ่มที่มีฮอร์โมน และไม่มีฮอร์โมน อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงของการใช้ยาก็คือ อาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
2.การผ่าตัด ในกรณีที่ใช้ยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือถุงน้ำใหญ่มากจนเกิดอาการปวดรุนแรง หรือไปกดอวัยวะข้างเคียง ส่งผลไปถึงส่วนอื่น ๆ แพทย์จะพิจารณาใช้วิธีผ่าตัดเพื่อรักษาต่อไป โดยการผ่าตัดอาจตัดเฉพาะตำแหน่งของโรค หรือสลายพังผืดออก ด้วยวิธีการผ่าตัดส่องกล้องผ่านทางหน้าท้อง
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เคยเป็นช็อกโกแลตซีสต์ และผ่าตัดออกไปแล้ว ยังมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ กรณีที่ผ่าตัดเอาแต่พยาธิสภาพออก แต่ยังเก็บตัวมดลูกและรังไข่ไว้
Credit : www.posttoday.com,health.kapook.com