ที่มา: anngle

จากกระแสละครเรื่อง “From five to nine” ที่ได้ไอดอลหนุ่มยามะพี หรือ ยามาชิตะ โทโมฮิสะมารับบทเป็นพระหนุ่มรูปหล่อการศึกษาสูงแถมรวยอีก ทำให้เกิดข้อสงสัยไปตามๆกันว่า มีพระญี่ปุ่นแบบในละครด้วยจริงๆน่ะหรือ!?

maxresdefault6

ก่อนอื่นต้องขออธิบายอย่างง่ายๆกันก่อนค่ะว่าศาสนาพุทธในญี่ปุ่นนั้นมีหลายนิกาย มีทั้งที่เคร่งครัด และที่อนุญาตให้แต่งงานได้ด้วย จุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในสมัยเมจิ (ค.ศ.1868) ซึ่งมีการปฏิรูปการปกครอง ฟื้นฟูอำนาจของจักรพรรดิขึ้นมาใหม่โดยใช้ศาสนาชินโตเป็นเครื่องมือ ศาสนาพุทธจึงถูกกวาดล้าง วัดต่างๆอยู่ไม่ได้ก็ต้องเริ่มปรับตัวเพื่อรักษาวัดให้อยู่รอด บทบาทหน้าที่ของพระจึงเริ่มเปลี่ยนแปลงไป บางนิกายก็สามารถแต่งงานมีครอบครัว ใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยที่ “พระ” กลายเป็นเหมือนอาชีพหนึ่งไปค่ะ

59

กลับมาที่ประเด็นจากในละคร ในละครนั้นพระเอกขับรถยี่ห้อหรู มีเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว แถมยังมีเงินซื้อของแบรนด์เนมหรูๆให้นางเอก ดูอย่างไรฐานะก็ต้องร่ำรวยมากๆ ถ้าถามว่าแล้วในความเป็นจริงมีพระญี่ปุ่นแบบในละครอยู่จริงๆรึเปล่า? ก็คงต้องตอบว่า “มีอยู่จริง” ค่ะ

แล้วถ้ารวยขนาดนี้เราควรทำบุญ บริจาคให้วัดด้วยเหรอ!? อาจจะมีบางท่านที่เอะใจเช่นนี้อยู่ แต่จริงๆแล้ววัดไม่ได้เป็นสมบัติส่วนตัวของพระแต่อย่างใดค่ะ ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆก็เป็นเหมือนบริษัทที่มีค่ากินอยู่ให้ ส่วนรายได้ที่มาจากการทำบุญของผู้มีจิตศรัทธา หรือค่าจัดงานประกอบพิธีต่างๆก็เป็นเงินของวัดที่เอาไว้ทำนุบำรุง ใช้จ่ายภายในวัด ไม่ใช่เงินส่วนตัวของพระค่ะ

20150408210715

อ้าว แล้วอย่างนี้พระญี่ปุ่นแบบในละครเขาเอาเงิน เอารายได้มาจากไหนกัน? เรามีคำตอบให้ค่ะ

อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าวัดต่างๆต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่รอด พระญี่ปุ่นจึงไม่ได้ปฏิบัติธรรมอยู่แต่ในวัดตามที่เราคนไทยเข้าใจกัน วัดเล็กๆที่ไม่มีรายได้มากนักก็อาจจะต้องไปทำงานอย่างอื่นควบไปด้วย บ้างก็มีอาชีพเสริมเป็นครู เปิดกิจการต่างๆ หรือแม้แต่เป็นมนุษย์เงินเดือนก็มีให้เห็นค่ะ ถึงตรงนี้อาจจะมีหลายท่านทราบคำตอบแล้ว ใช่ค่ะ รายได้ที่ว่านี้มาจากกิจการส่วนตัวนั่นเอง วัดที่ร่ำรวยมากๆก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเป็นตระกูลเก่าแก่ หรือมีกิจการอื่นๆของตระกูลอยู่แล้ว รายได้ตรงนี้อาจจะนำบริจาคเข้าวัด หรือนำมาใช้จ่ายส่วนตัวก็ย่อมได้เพราะไม่เกี่ยวกับวัดค่ะ

temple_topimg

หลายๆท่านอาจจะคิดว่าไม่เหมาะสม แต่ต่างคนก็ต่างความคิดค่ะ เพราะถึงแม้ข้อปฏิบัติจะต่างกันอย่างไร วัดก็ยังคงเป็นสถานที่ให้คนมาพึ่งพิง ขัดเกลาจิตใจไม่ต่างกันค่ะ

ป้ายกำกับ: |

เรื่องน่าสนใจ