เมื่อวันที่ 15 ก.พ. เอเอฟพีรายงานว่า รัฐบาลเกาหลีใต้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูง หลังเกิดเหตุนายคิม จองนัม ลูกชายคนโตของนายคิม จองอิล ผู้นำรุ่นที่สองของเกาหลีเหนือผู้ล่วงลับ และพี่ชายต่างมารดาของนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือคนปัจจุบัน ถูกลอบสังหารเสียชีวิตที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยสายลับหญิงที่ใช้เข็มอาบยาพิษแทง หรือฉีดสารเคมีบนใบหน้า
นายฮวาง คโย-อาห์น รักษาการผู้นำเกาหลีใต้ กล่าวกับผู้ร่วมประชุมระดับสูง ว่า เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงธาตุแท้ของความโหดร้ายและไร้มนุษยธรรมของรัฐบาลเกาหลีเหนือ
“เราถือว่าเหตุการณ์นี้ร้ายแรงมาก และเราต้องจับตาเกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิด” นายฮวางกล่าว ถึงเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่สุดของเกาหลีเหนือภายใต้การนำของนายคิม จองอึน นับจากนายจาง ซองแต๊ก อาเขยของนายจองอึน ถูกนายจองอึนสั่งประหารชีวิต เมื่อเดือนธ.ค.2556 ทั้งที่เคยเป็นที่ปรึกษามาก่อน
ขณะที่บรรยากาศในกรุงเปียงยาง เมืองหลวงของเกาหลีเหนือ กลับไม่ปรากฏข่าวช็อกโลกนี้เลย บรรดาเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบกว่า 3,000 คนต่างมาชุมนุมในงานกาลา สเกตติ้ง ที่เชิญนักสเกตต่างชาติมาร่วม มีถือป้ายเขียนว่า สันติภาพ มิตรภาพ เพื่อฉลองวาระครบรอบวันคล้ายวันเกิดของนายคิม จองอิล อดีตผู้นำประเทศที่เสียชีวิต
ด้านเจ้าหน้าที่มาเลเซียอยู่ระหว่างการชันสูตรพลิกศพนายยองนัม และสอบสวนปะติดปะต่อร่องรอยหลักฐานว่า การใช้เข็มพิษสังหารเป้าหมาย ซึ่งเป็นรูปแบบการฆ่าที่ใช้ในยุคสงครามเย็นนั้นเกิดขึ้นที่สนามบินมาเลเซียได้อย่างไร พร้อมตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในสนามบิน เพื่อชี้ชัดลงไปให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อวันจันทร์ช่วงเช้าวันที่ 13 ก.พ.
นายฟัดซิล อาห์เหม็ด หัวหน้าหน่วยสอบสวนอาชญากรรม เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์เดอะสตาร์ของมาเลเซียว่า นายจองนัมบอกพนักงานต้อนรับที่โถงผู้โดยสารขาออกว่ามีคนจับใบหน้าจากทางด้านหลังและฉีดของเหลวชนิดหนึ่งใส่ตน พร้อมขอความช่วยเหลือและถูกส่งไปยังคลีนิกสนามบินทันที ซึ่งตอนนั้นมีอาการปวดศีรษะและไม่ได้สติดี มีอาการชักอ่อนๆ จากนั้นนำส่งรถฉุกเฉินส่งโรงพยาบาลปุตราจายาและต่อมาเสียชีวิต
ด้านนายคิม บยุง-กี สมาชิกสภานิติบัญญัติของเกาหลีใต้ กล่าวหลังได้รับการบรรยายสรุปการลอบสังหารนี้ว่าจากนายอี บยุงโฮ หัวหน้าหน่วยข่าวกรองแห่งชาติเกาหลีใต้ว่า ตามความเห็นของนายอีมีความพยายามลอบสังหารนายจองนัมในปี 2555
ทั้งนี้ เมื่อเดือนเม.ย.ปี 2555 นายจองนัมส่งจดหมายให้นายจองอึน น้องชาย ใจความว่า “ได้โปรดไว้ชีวิตพี่และครอบครัวด้วย เราไม่มีที่จะไป…เรารู้ว่าทางเดียวที่จะหนีด้คือฆ่าตัวตาย”
หัวหน้าหน่วยข่าวกรองเผยด้วยว่า นายจองนัมได้รับการสนับสนุนทางการเงินเพียงเล็กน้อยจากทางบ้านและเป็นภัยเพียงเล็กน้อยต่อนายจองอึน
ทั้งนี้ครอบครัวนายจองนัม รวมถึงภรรยาเก่าและใหม่พร้อมลูกๆอีก 3 คนอาศัยอยู่ในกรุงปักกิ่งและมาเก๊า ประเทศจีน ซึ่งอยู่ภายใต้การอารักขาจากเจ้าหน้าที่จีน พร้อมระบุว่านายจองนัมเดินทางเข้ามาเลเซียวันที่ 6 ก.พ. หนึ่งสัปดาห์ก่อนเสียชีวิต
นายชอง ซอง-ชาง นักวิเคราะห์ของสถาบันเซจอง ในกรุงโซลมองว่า การลอบสังหารนี้ไม่มีทางเป็นอื่นไปได้นอกจากเป็นคำสั่งหรือไฟเขียวจากนายจองอึนเอง และแรงจูงใจที่จะทำอาจมาจากข่าวเมื่อเร็วๆ นี้ที่นายจองนัมจะขอลี้ภัยเข้าสหภาพยุโรป สหรัฐ หรือเกาหลีใต้