การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014” รอบชิงชนะเลิศ นัดที่ 2 ขุนพลนักเตะ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย เจ้าของแชมป์ 3 สมัยเมื่อปี 1996, 2000, 2002 และรองแชมป์เก่า ลงสนามไล่ล่าแชมป์สมัยที่ 4 ในรอบ 12 ปีพบกับทีมนักเตะ “เสือเหลือง” มาเลเซีย อดีตแชมป์ ปี 2010 ที่สนามบูกิต จาลิล กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม โดยเกมนัดแรกที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ทีมชาติไทย ตุนสกอร์ชนะ มาเลเซีย 2-0
ส่วนความเคลื่อนไหวก่อนเกมนัดนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้ามีแฟนบอลเดินทางจากหาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อมาร่วมส่งกำลังใจเชียร์ขุนพล“ช้างศึก” ถึงโรงแรมฮิลตัน ปาตาลิง จาย่า ประเทศมาเลเซีย
ขณะที่นักเตะไทยลงมารับประทานอาหารเช้า โดยกลุ่มแฟนบอลมีโอกาสได้ร่วมพูดคุยและถ่ายรูปกับนักเตะรวมถึงสต๊าฟโค้ชทีมชาติไทยอย่างใกล้ชิด
บรรยาการที่สนามบูกิต จาลิล ในช่วงบ่ายมีฝนโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีแฟนบอลชาวไทยที่ยกพลมาเชียร์ถึงขอบสนามจำนวนหลายร้อยคน ซึ่งส่วนใหญ่เดินทางโดยรถบัสจากจังหวัดใกล้เคียงทางภาคใต้ของไทย อีกส่วนเดินทางมาโดยเครื่องบินเพื่อให้กำลังใจนักเตะไทย
ด้าน “บังยี” นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ พร้อมด้วย พ.อ.(พิเศษ) วรวุฒิ ทองศรีงาม เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯก็ได้เดินทางมาให้กำลังใจนักเตะไทยถึงขอบสนามด้วยเช่นกัน
ส่วนแฟนบอลเจ้าถิ่นมาเลเซีย เดินทางมาถึงสนามตั้งแต่เที่ยงเพื่อร่วมทำกิจกรรมภายในบริเวณสนาม ซึ่งมีทั้งคอนเสิร์ต, มอเตอร์โชว์ แม้ว่าจะมีฝนตกลงมาอย่างหนัก
ทั้งนี้เมื่อเวลา 16.45 น. กองเชียร์กลุ่มฮาร์ดคอร์ของทีม“เสือเหลือง” กว่า 3,000 คน ได้เดินทางมาถึงบริเวณหน้าสนามและร่วมร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน ก่อนจะมีการจุดพลุแฟร์ขึ้นมำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องเข้าไประงับเหตุ ทำให้เกือบจะมีการทะเลาะวิวาทกัน อย่างไรก็ตามไม่มีเหตุการณ์บานปลายเกิดขึ้น ก่อนที่กองเชียร์เจ้าถิ่นจะทยอยเข้าสู่สนามจนเต็มความจุของสนาม
สถิติการพบกันของทั้งสองทีมทั้งหมด 90 นัด ไทยชนะ 27 นัด มาเลเซีย ชนะ 35 นัด เสมอกัน 28 นัด ไทยยิงได้ 124 ประตู และมาเลเซียยิงได้ 130 ประตู ส่วนในศึกชิงแชมป์อาเซียนเคยพบกันมา 12 นัด ไทยคว้าชัยชนะได้ถึง 7 นัด มาเลเซีย ชนะ 2 นัด และเสมอกัน 3 นัด
เกมนี้ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ส่งผู้เล่นตัวหลักลงสนามอย่างพร้อมเพรียง โดยมีการเปลี่ยนผู้เล่นแค่ 1 คน จากเกมที่แล้ว ส่ง ประกิต ดีพร้อม ลงสนามแทน มงคล ทศไกร
สำหรับรายชื่อ 11 ตัวจริง ประกอบด้วย กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์, สุทธินันท์ พุกหอม, สารัช อยู่เย็น, ชาริล ชัปปุยส์, อดิศักดิ์ ไกรษร, ประกิต ดีพร้อม, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, ธนบูรณ์ เกษารัตน์ และ ชนาธิป สรงกระสินธ์
เริ่มเกม 5 นาทีแรก เป็นฝ่ายเจ้าบ้าน ที่ทำเกมกดดันได้มากกว่า ก่อนจะมาได้จุดโทษ ในนาที 5 จากจังหวะที่ นอร์ชารูล ตาฮาลา ปะทะกับ สุทธินันท์ พุกหอม ซาฟิก ราฮิม รับหน้าที่สังหารไม่พลาด มาเลเซีย ขึ้นนำ 1-0 ในนาที 6
อีก 5 นาทีต่อมา ไทยเกือบได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะที่ อาฟิฟ อามีรุดดิน ส่งบอลคืน ฟาริซัล มาร์ลิอัส ผู้รักษาประตู ก่อนที่ ฟาริซัล จะเตะบอลติด อดิศักดิ์ ไกรษร ที่วิ่งเข้ามาบล็อก แต่บอลหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย จากนั้นไทยยังบุกได้อย่างต่อเนื่องและได้ลุ้นอีกครั้ง จากจังหวะยิงไกลของ พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา แต่บอลพุ่งชนเสาออกไปแบบหวุดหวิด ในนาที 12
เกมดำเนินมาถึง นาที 22 ทีม“ช้างศึก” ยังเป็นฝ่ายที่เปิดเกมบุกเข้าใส่ และน่าจะได้ประตูตีเสมอ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ เลี้ยงขึ้นมาถึงกรอบเขตโทษก่อนสับไกยิง แต่ผู้รักษาประตูทีม“เสือเหลือง” ยังเซฟไว้ได้
นาที 32 ทีมชาติไทยพลาดโอกาสทอง จากจังหวะที่ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม หลุดเข้าเขตโทษด้านขวา ก่อนเปิดตัดเข้ากลาง บอลหลุดไปที่เสาสอง แต่ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ยิงหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก มาเลเซีย เกือบได้ประตูเพิ่ม กองหลังไทยเล่นพลาดปล่อยให้ นอร์ชารูล ตาฮาลา หลุดเข้าไปในเขตโทษก่อนได้ยิงจ่อๆ แต่จังหวะสุดท้ายแข้งไทยยังเข้ามาบล็อกได้ทัน ในนาที 40
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งแรก มาเลเซีย มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 นอร์ชารูล ตาฮาลา เปิดบอลจากฝั่งขวาไปที่เสาสอง อินดรา ปูตรา โหม่งเข้าประตูไป ในนาที 45+2 ก่อนจะหมดครึ่งแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว
เริ่มครึ่งหลังทีมชาติไทยเปิดเกมบุกเข้าใส่ทันที และน่าจะได้ประตูตีไข่แตก เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ทะลุเข้าไปในเขตโทษ แต่จังหวะสุดท้ายยิงแฉลบกองผู้เล่นมาเลเซียออกหลังไป ในนาที 47
จากนั้นนาที 57 มาเลเซีย มาได้ประตูหนีห่างเป็น 3-0 จากจังหวะที่ ซาฟิก ราฮิม ได้โอกาสปั่นฟรีคิกจากระยะ 25 หลา ข้ามกำแพงก่อนที่บอลจะพุ่งเสียบเสาเข้าไปอย่างสวยงาม
หลังเสียประตูที่ 3 ทีม“ช้างศึก” แก้เกมด้วยการส่ง ศราวุธ มาสุข ลงสนามแทน ประกิต ดีพร้อม ในนาที 60 อีก 7 นาทีต่อมา ไทยได้ลุ้นบ้าง จากลูกเตะมุม ชาริล ชัปปุยส์ เปิดเข้ามา ศราวุธ มาสุข ได้โหม่งแต่ไม่ตรงกรอบ
ท้ายเกมทีมชาติไทยมาได้ประตูตีไข่แตกจนได้ จากจังหวะที่ สารัช อยู่เย็น ปั่นฟรีคิกจากหน้ากรอบเขตโทษ ผู้รักษาประตูมาเลเซียปัดได้ แต่บอลมาเข้าทาง ชาริล ชัปปุยส์ ยิงซ้ำเข้าไปไม่เหลือ ไทยไล่มาเป็น 1-3 ในนาที 82
จากนั้น นาที 87 ทีมชาติไทยมาได้เพิ่มอีกประตู ชนาธิป สรงกระสินธ์ ได้สับไกจากหน้ากรอบเขตโทษ ไม่เหลือ ทีมชาติไทย ไล่มาเป็น 2-3
ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำประตูกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม มาเลเซีย ชนะ 3-2 แต่รวมสองนัด ทีมชาติไทยชนะ 4-3 คว้าแชมป์สมัยที่ 4 และเป็นแชมป์แรกในรอบ 12 ปี
ที่มา ข่าวสด