หนุ่มรวยหวย 30 ล้านประกาศ ยกมรดกทั้งหมดให้ลูกชายเมื่อ บรรลุนิติภาวะเปิดใจเครียดหนักปัญหาทะเลาะกับเมียจนต้องเข้าร.พ. ยอมรับเหตุไม่ไปบ้านเมียเพราะไปแล้วถูกรุมขอเงินพอไม่ให้ก็ด่าเสียๆ หายๆ ขณะเมียสาวก็ทรุดด้วยไข้หวัดใหญ่ ลูกติดไข้ร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน จนย่ำแย่ทั้งแม่ลูก ระบุ 30 พ.ย.ศาลนัดไกล่เกลี่ยกรณีฟ้องผัวจ่ายค่าเลี้ยงดูลูก 10 ล้าน ถ้าตกลงกันได้ก่อนไม่ต้องไปศาล ด้านทนายความมั่นใจชนะคดีแน่
เรื่อง ราววุ่นๆ ของครอบครัวเศรษฐีใหม่ กรณีนายยงยุทธ หรือธรรมรงค์ แก้วสวนจิก อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114 ม.14 บ้านหนองบ่อ ต.หนองหาน อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 งวดวันที่ 16 ก.ย. รวม 5 คู่ ได้เงิน 30 ล้านบาท ต่อมาน.ส.เสาวณี หรือมด ทองวิเศษ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88 หมู่ 10 บ้านเดียม ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ภรรยา ยื่นฟ้องนายยงยุทธต่อศาลเยาวชนและครอบครัว จ.อุดรธานี ขอให้รับรองบุตรและเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูเป็นเงิน 10 ล้านบาท โดยระบุว่าถูกสามีทอดทิ้งหลังจากกลายเป็นเศรษฐี 30 ล้าน ขณะที่นายยงยุทธประกาศฟ้องกลับภรรยาฐานหมิ่นประมาท พร้อมกับเตรียมจัดการเรื่องทรัพย์สินเงินทองให้กับภรรยาและลูกให้ได้ข้อยุติ ตามข่าวที่เสนอมาตามลำดับแล้วนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับ เรื่องนี้ เมื่อวันที่ 15 ต.ค.นายยงยุทธ หรือธรรมรงค์ แก้วสวนจิก เศรษฐีหนุ่ม ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่บ้าน ต.หนองหาน อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ในสภาพซูบหน้าตาซีดเซียวผิดปกติ ไม่ร่าเริงเหมือนวันก่อน โดยกล่าวว่า เรื่องที่ภรรยาบอกว่าตนเองไม่มาดูแลภรรยาและลูกนั้น ยอมรับเป็นเรื่องจริง เพราะเคยไปบ้านภรรยาแล้วถูกญาติภรรยารุมขอเงินหลังจากทุกคนรู้ว่าตนมีเงิน และยังถูกด่าเสียๆ หายๆ ว่าขอเงินแล้วไม่ให้ ทำให้ต้องกลับมาอยู่บ้านของตัวเอง ทั้งนี้ ตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้นว่าต้องการสร้างบ้านให้เสร็จแล้วจะรับทั้งลูกและภรรยามา อยู่ด้วย
เศรษฐีหวยกล่าวอีกว่า แต่พอเกิดปัญหาภรรยาไปฟ้องศาลทำให้คิดไม่ตก กลายเป็นครอบครัวมีปัญหาเป็นข่าวดังไปทั่ว เมื่อเป็นแบบนี้ถามว่าจะให้ตนกลับไปคืนดีกับภรรยาอีกหรือ ตอนนี้บอกได้เลยว่ายากที่จะเยียวยาหรือกลับไปคืนดีด้วย แต่สำหรับลูกยืนยัน จะส่งเสียให้ทุกๆ เดือน วางแผนไว้ว่าจะให้เดือนละ 1 หมื่นบาท ถ้ามีเหตุจำเป็นก็จะให้มากกว่านั้น
“ตอนนี้ผมเครียดมาก เพราะถูกสังคมตราหน้าว่ามีเงินแล้วทิ้งลูกเมีย ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ หลังจากเป็นข่าวยอมรับว่าเครียด เมื่อไปปรึกษาทนายความก็ยิ่งเครียดหนักจนมีอาการวูบ เวียนศีรษะ หน้ามืดจะเป็นลม ญาติๆ พาส่งโรงพยาบาลกรุงเทพอุดรฯ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ เพื่อตรวจร่างกาย หมอบอกว่าหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ความดันโลหิตสูง อาจจะทำให้ช็อกได้ หมอแนะนำให้นอนโรงพยาบาลเพื่อตรวจอย่างละเอียด แต่ผมมีภารกิจต้องมาดูการทำสวนและสร้างบ้าน จึงขออนุญาตทางโรงพยาบาลออกมา หมอให้ยาละลายลิ่มเลือดมากิน” นายยงยุทธกล่าว
นายยงยุทธ กล่าวด้วยว่า วันนี้เพิ่งไปเอายาจากหมอมาอีกรอบ ยอมรับว่าเครียดจริงๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องที่เมียไปฟ้องศาลหากมีหมายศาลมาก็พร้อมไปทันที ตอนนี้ได้ปรึกษาทนายความว่าจะทำอย่างไรเพราะไม่รู้กฎหมาย อย่างไรก็ตามอีกวันสองวันตนจะทำพินัยกรรมไว้ให้ลูกทั้งหมด เมื่อด.ช.เกาลัด ลูกชายบรรลุนิติภาวะ จะได้ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตน แต่หากตนเสียชีวิตก่อนที่ลูกชายจะบรรลุนิติภาวะทรัพย์สมบัติจะให้อำนาจพี่ สาวของตนเป็นคนจัดการมรดก
ด้านน.ส.เสาวณี ทองวิเศษ ภรรยานายยงยุทธ ให้สัมภาษณ์ที่บ้าน อ.กุมภวาปี จ.อุดรฯ ว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นตนเครียดมากเช่นกัน ล้มป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ลูกก็ป่วยตามเพราะติดไข้จากตน ลูกไม่สบายร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน ตนก็พลอยอดหลับอดนอนไปด้วย ตอนนี้ได้แต่รอฝ่ายกฎหมายติดต่อกลับมา โดยนัดหมายกันวันที่ 30 พ.ย.นี้ต้องไปขึ้นศาลอีกครั้ง แต่หากตกลงกันได้เร็วกว่านั้นก็จะได้ไม่ต้องไปศาล ช่วงนี้มีญาติๆ พ่อแม่ พี่สาวมาช่วยปลอบพูดคุยด้วย รู้สึกว่าทุกคนไม่ทอดทิ้งอบอุ่นใจทั้งๆ ที่ไม่สบายก็จะทนสู้เพื่อลูกและสิทธิของตนในฐานะภรรยา ซึ่งเป็นสิทธิที่ควรจะได้รับจากสามีถึงแม้จะไม่ได้จดทะเบียนสมรส
น.ส.เสาว ณีกล่าวต่อว่า ช่วงสายวันนี้ ร.ต.ท.อุดมโชค สิงหกุลศิริ ผู้ช่วยทนายความ แนะนำตนและญาติๆ ไปพบร.ต.ท.ไพบูลย์ กองคำ พนักงานสอบสวน สภ.กุมภวาปี เพื่อแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน กรณีที่ตนและนายยงยุทธ แก้วสวนจิก สามีเช่าซื้อรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ สีเทา ทะเบียน ผก 4884 อุดรธานี ไว้เมื่อปี 2555 เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการค้าขายร่วมกัน ต่อมาวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมานายยงยุทธมอบรถยนต์คันนี้ให้ตนครอบครองดูแล เพื่อใช้พาลูกชายเดินทางไปหาหมอ แต่ไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ให้ยังเป็นชื่อของสามี เกรงว่าสักวันจะถูกทวงคืน ตอนนี้ยังไม่อยากโทรศัพท์ไปหาสามี เพราะกลัวจะทนฟังคำพูดของสามีไม่ได้แล้วจะทำให้เสียใจไปมากกว่านี้
ขณะ ที่นายธีระพล โภชนุกูล ทนายความของน.ส.เสาวณี กล่าวว่า ศาลเยาวชนและครอบครัว จ.อุดรธานี รับคำฟ้อง เป็นคดีหมายเลขดำที่ 339/2558 มีน.ส.เสาวณี ทองวิเศษ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง จำเลยคือนายธรรมรงค์ หรือยงยุทธ แก้วสวนจิก ฐานความผิดละเมิดรับรองบุตร เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดู โดยคำฟ้องระบุว่า โจทก์และจำเลยอยู่กินกันฉันสามีภรรยา ไม่เคยคบหาชายอื่นในทางชู้สาว จนเมื่อเดือนส.ค.2557 โจทก์ตั้งครรภ์ และคลอดบุตรเมื่อวันที่ 1 ก.พ.2558 ชื่อด.ช.ชลธี แก้วสวนจิก จำเลยส่งเสียค่าดูแลบุตรเดือนละ 2 พันบาท บางเดือนโจทก์ไม่ได้แม้แต่บาทเดียว จนบุตรอายุ 8 เดือน ต่อมาจำเลยถูกรางวัลที่ 1 ได้เงินรางวัลจำนวน 30 ล้านบาท โจทก์มีความประสงค์ให้จำเลยรับด.ช.ชลธีเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย และให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูด.ช.ชลธี เป็นเงิน 10 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีของเงินดังกล่าวจนกว่าจะชำระแล้วเสร็จ
ทนาย ความกล่าวอีกว่า คดีนี้หากจำเลยยินยอมจดทะเบียนรับรองด.ช.ชลธีเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ก็คงตกลงไกล่เกลี่ยคดีความกันได้ แต่หากตกลงกันไม่ได้แล้วโจทก์ชนะคดีความสามารถเอาคำพิพากษาของศาลไปยื่นต่อ ที่ว่าการอำเภอเพื่อรับรองบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายได้ ตอนนี้อยู่ระหว่างรอศาลนัดไกล่เกลี่ยกันก่อน หากไกล่เกลี่ยไม่ได้ต้องว่ากันไปตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมาย