ผู้สื่อข่าว โดดเด่นดอทคอม รายงานว่า ข่าวฮือฮากรณีสาวคนหนึ่งออกมาร้องเรียนว่าหลานของเธอได้ไปเที่ยว “เกาะเสม็ด” กับครอบครัว แต่กลับโดนน้องแมวบนเกาะกัด เมื่อไปหาหมอกลับพบว่าค่ารักษาสูงถึง 50,000 บาท พร้อมกับที่เธอออกมาบ่นว่า “แม่เจ้าคนไทยหรือเปล่า ใจร้ายมากอะไรจะแพงขนาดนั้น”
ทาง เพจ Drama-addict ได้ออกมามาชี้แจงเรื่องต้นทุนค่ารักษาว่า โดยปกติเมื่อเราถูกแมวหรือสุนัขกัดแล้ว ก็ต้องไปให้หมอฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทาน แต่ถ้าหากบริเวณที่ถูกกัดนั้น เป็นบริเวณที่มีความเสี่ยงสูง มีเส้นประสาทไปเลี้ยงเยอะ เช่น ใบหน้า หรือฝ่ามือ หรือบาดแผลมีความรุนแรง เสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือโดนสัตว์จรจัดกัด และสงสัยว่าจะติดเชื้อ จะทำให้แพทย์ฉีดเซรุ่มให้ ซึ่งเซรุ่มชนิดนี้ จะเป็นภูมิต้านทานเลยทันที เพื่อประวิงเวลาจนกว่าวัคซีนที่ฉีดเข้าไป จะสร้างภูมิต้านทานเต็มที่
ทั้งนี้ เซรุ่มที่ใช้ฉีดจะมี 2 แบบคือ ERIG ที่ผลิตจากซีรั่มของม้า และ HRIG ที่ผลิตจากซีรั่มของมนุษย์ ซึ่ง HRIG จะมีราคาแพงกว่า เกิดอาการแพ้น้อยกว่า และต้องใช้ขั้นต่ำ 3-5 แอมป์ ตามน้ำหนักตัว และในกรณีนี้คิดว่าน่าจะใช้ยา 750 ทั้งหมด 2 แอมป์ เพื่อให้โดสเพียงพอ ทำให้ต้นทุนยาไม่น้อยกว่า 12,000-20,000 บาทแน่นอน
ขณะที่ในบิลเรียกเก็บเงินนั้นพบว่าแพทย์ได้ทำการฉีดเซรุ่ม HRIG และมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า พร้อมกับยาทาและยาปฏิชีวนะ ส่วนบริเวณที่ถูกกัดนั้น เป็นบริเวณข้อเท้าด้านขวา จนเกิดแผล 3 แผลซึ่งเลือดออกไม่หยุด ดังนั้น แพทย์จึงมีความจำเป็นที่ต้องฉีดเซรุ่มเพื่อสร้างภูมิต้านทานทันที
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นในเวลากลางคืน ถือว่าเป็นเวลาฉุกเฉิน แม่ของเด็กไม่สะดวกที่จะพาขึ้นฝั่งไปฉีดยาที่ระยอง จึงตกลงที่จะฉีดยาในราคาดังกล่าวบนเกาะ แต่เพื่อน ๆ กับญาติ ๆ กลับไม่พอใจสิ่งที่เกิดขึ้น เลยนำเรื่องดังกล่าวไปโพสต์ลงในกลุ่มของคนรักแมวจนเกิดปัญหา ซึ่งมีกลุ่มที่เข้าใจอีกมากมาย โดยเฉพาะบรรดาแพทย์
เจ้ามุดมุด แมวของ บอม KPN ที่เก็บมาเลี้ยง จากแมวจรจัด กลายเป็นแมวที่น่ารัก น่าชัง
ภาพจาก เพจ Drama-addict