ไฮยาลูรอน สารยอดฮิตที่ถูกนํามาใช้ในด้านความงาม จัดการริ้วรอย ความเหี่ยวย่น! เนื่องจากคนโดยส่วนใหญ่ มักใจร้อนอยากสวยเร็ว สวยแบบทันใจ เอาชนิดที่เรียกได้ว่าทําปุ๊บต้องเห็นผล ในทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว เราสะสมสารพิษให้กับผิวหนังมานานพอควร ไม่ว่าปัจจัยของแสงแดด การพักผ่อน การเลือกทานอาหาร พอถึงกาลเวลาที่แสดงออกทางผิวหน้า ทั้งริ้วรอย ความเหี่ยวย่น ก็กลับทําใจลําบาก จึงง่ายต่อการตกเป็นเครื่องมือให้กับวิวัฒนาการทางความงาม
ซึ่งเป็นสารโปรตีนที่ร่างกายผลิตขึ้นตามธรรมชาติ อยู่บริเวณชั้นผิวหนังแท้ (dermis) กระจายทั่วไปทุกเนื้อเยื่อ แต่สําหรับผิวหน้านั้น ไฮยาลูรอนจะทํางานร่วมกับคอลลาเจน ในการอุ้มน้ำ ดูดซับน้ำ ยึดจับโปรตีนคอลลาเจน เพื่อให้ผิวเต่งตึง ดูชุ่มชื้น และเรียบเนียน เป็นเหตุผลให้ผิวดูอ่อนวัย จึงได้มีการสังเคราะห์กรดไฮยาลูรอนเพื่อเติมเต็มให้กับผิวในขณะที่วัยเพิ่มมากขึ้น เพราะกรดตัวนี้จะผลิตได้น้อยลงนั่นเอง
ปัจจุบันที่มีการฉีดเติมร่องแก้ม เติมคาง มักจะใช้สารเติมเต็มหรือที่เรียกว่า ฟิลเลอร์ ซึ่งประกอบด้วยไฮยาลูรอน วิธีการฉีดนี้ จะมีทั้งแบบชั่วคราว คืออยู่ได้ประมาณ 4 – 6 เดือน มีความปลอดภัยสูง ซึ่งสารเหล่านี้จะสลายไปโดยธรรมชาติ แบบต่อมาคือกึ่งถาวร ซึ่งจะมีสารอื่นประกอบด้วย เพื่อชะลอเวลาให้นานถึง 2 ปี และแบบถาวรที่อยู่ในรูปแบบซิลิโคน ซึ่งสองแบบหลังนี้หมอไม่แนะนํา
วิธีการฉีดนี้ ดูจะเป็นที่นิยม เพราะเห็นผลจริงแถมยังให้ผลไว ขณะที่คนอีกกลุ่ม ไม่กล้าเสี่ยงต่อเข็มฉีดยา ก็มักเลือกการกินยาที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอน ซึ่งให้ผลในลักษณะเดียวกัน คือร่องลึกดูจางลง แต่อาจไม่เห็นผลทันตา เพราะขึ้นอยู่กับการดูดซึมของร่างกายแต่ละคนด้วย และอีกหนึ่งทางเลือกของผู้รักสวยรักงามคือการใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสําอาง ที่พบเห็นได้มากในผลิตภัณฑ์กลุ่มลดริ้วรอย เพราะด้วยความสามารถในการช่วยซ่อมแซมผิวที่ถูกทําลาย เร่งขบวนการหายของแผล
การที่สารจะซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ ขนาดโมเลกุลต้องเล็กกว่า 5,000 ดัลตัน แต่ไฮยาลูรอนมีขนาดโมเลกุลที่ใหญ่ สิ่งที่ทําให้เห็นผลว่าผิวหน้าเต่งตึงนั้น อาจเป็นเพราะครีมตัวนั้นมีสารเคลือบผิว ดังนั้น ก่อนใช้มักจะแนะนําให้ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น ขัดถูขี้ไคลออก เพื่อเป็นการเปิดผิว เปิดรูขุมขน และให้ทาครีมหลังจากการล้างหน้าทันที ขณะที่ผิวหน้ายังชุ่มชื้น ซึ่งจะช่วยให้ตัวครีมที่มีส่วนประกอบของไฮยาลูรอนซึมลึกเข้าผิวได้บ้าง แต่ต้องบอกว่าไม่ 100%
ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีสารไฮยาลูรอนนั้น จะสังเกตเห็นว่า ในฉลากจะระบุปริมาณ แต่ไม่บ่งบอกถึงขนาดโมเลกุล และบอกเพียงคุณสมบัติของสารแต่ละตัวเท่านั้น เพราะหากระบุอย่างชัดเจนว่าผลิตภัณฑ์นี้มีสาร ไฮยาลูรอนขนาดเล็ก สามารถซึมลึกเข้าสู่ชั้นเซลล์ผิวได้ ต้องมีการตรวจพิสูจน์จากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และหากไม่เป็นจริงตามที่กล่าวอ้าง ก็จะเข้าข่ายโฆษณาเกินจริง
……………………………………………………………………..
บางคนอาจเกิดการแพ้จากการฉีดได้บ้าง อาการแพ้จะมีลักษณะทั่วๆ ไป คือจะเห็นเป็นผื่นแดง หรืออาจเกิดภาวะแทรกซ้อน ทําให้เป็นตุ่มเป็นหนองได้ และหากการฉีดที่ไม่ได้ผ่านมือแพทย์ผิวหนัง อาจทําให้สารไหลเข้าสู่เส้นเลือดแดง เกิดการอุดตัน ส่งผลให้เนื้อเยื่อตาย อย่างที่พบบ่อย เช่น จมูกเน่า หรือฉีดหน้าผาก จนส่งผลทําให้ตาบอด
เนื้อหาโดย Dodeden.com