“พลัฏฐ์ พฤกษ์ปาริชาติ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “ออเธนทิค คลินิก”
“ออเธนทิค คลินิก” เผยปัญหาการเมือง-เศรษฐกิจไม่กระทบตลาด เพราะผู้ใช้บริการนิยมปรับรูปลักษณ์และเสริมความงามตามศิลปินดาราทั้งในประเทศและต่างประเทศที่กำลังได้รับความนิยม ระบุตลาดโตสวนทางการศัลยกรรมที่เติบโตช้าราว 10-20% ที่เริ่มขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เตรียมผุดสาขาเพิ่มเป็น 5 แห่งในปี 57 รองรับ AEC
นายพลัฏฐ์ พฤกษ์ปาริชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “ออเธนทิค คลินิก” เปิดเผยว่า ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดอันดับธุรกิจในประเทศไทยในปี 2557 ว่าธุรกิจอันดับหนึ่งเป็นของการแพทย์และความงามซึ่งเป็นไปตามกระแสการให้ความสำคัญเรื่องการรักษาสุขภาพและความงาม อีกทั้งธุรกิจตลาดความงามนั้นมีความเจริญเติบโตเป็นไปตามกระแสทั่วโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงมากขึ้นทุกปี
“ถึงแม้ว่าสภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในปัจจุบันจะซบเซาและปัญหาทางการเมืองยังคงมีความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าปัญหาเหล่านี้ไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจสุขภาพและความงามในประเทศไทยมากนัก เนื่องจากภาพรวมธุรกิจสุขภาพและความงามในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีการขยายตัวอย่างรวดเร็วและเติบโตไม่ต่ำกว่า 100% สวนทางกับการศัลยกรรมที่เติบโตช้าราว 10-20% เนื่องจากมีข้อจำกัดเกี่ยวกับบุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการศัลยกรรมด้านต่างๆ”
ปัจจุบัน “ออเธนทิค คลินิก” มีฐานสมาชิกมากกว่า 1 แสนราย เปิดให้บริการ 3 สาขา ได้แก่ สาขาถนนแจ้งวัฒนะ ซอย 33 สาขาถนนสุขุมวิท ซอย 42/1 และกำลังจะเปิดเพิ่มในเร็วๆ นี้คือสาขาลาดพร้าว โดยจะเพิ่มเป็น 5 สาขาในสิ้นปี 2557 โดยใช้งบลงทุนกว่า 10 ล้านบาทต่อสาขาเพื่อรองรับและทำการสื่อสารการตลาดไปยังกลุ่มคนไข้เป้าหมายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะคนไข้ในกลุ่มวัยรุ่นที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปที่ปัจจุบันนิยมใช้บริการคลินิกเสริมความงามกันมากขึ้น
จากแผนธุรกิจดังกล่าวคาดว่าจะกระตุ้นรายได้ให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 50% เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบันเปลี่ยนไปตามแนวคิด “แฟชั่นมีเดีย มาร์เกตติ้ง” ที่เน้นการปรับรูปลักษณ์และเสริมความงามตามศิลปินดาราทั้งในประเทศและต่างประเทศที่กำลังได้รับความนิยม จนกระตุ้นให้คนไทยใช้บริการคลินิกความงามพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการเปิดตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC โดยรวมจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจสุขภาพและความงามในประเทศไทย เพราะปัจจุบันแพทย์ไทยเป็นที่ยอมรับในเรื่องความสามารถและการให้บริการ ทำให้มั่นใจว่าหลังจากเปิดตลาด AEC จะมีผู้ใช้บริการจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“หลักการขยายธุรกิจเพื่อรองรับตลาด AEC ของเราจะมีการเสริมบุคลากรทางการแพทย์ที่มีทักษะทางการแพทย์และศักยภาพการบริการ ซึ่งปัจจุบันยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดเสริมความงาม และที่ท้าทายที่สุดคือปัญหาเรื่องภาษาสากลที่ใช้ในการสื่อสารซึ่งจะต้องมีการเพิ่มทักษะทางด้านภาษาอังกฤษให้แก่บุคลากรของคลินิก เพื่อสามารถรองรับการบริการพร้อมสร้างความพึงพอใจให้กลุ่มคนไข้จากต่างประเทศ หลังพบว่ามีผู้บริโภคในต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนราว 3-5% ที่เข้ามารับบริการ โดยส่วนใหญ่มาจากประเทศเวียดนาม ลาว สิงคโปร์ และมาเลเซีย เป็นต้น”
ขอบคุณที่มา ผู้จัดการออนไลน์
