10 ข้อปฏิบัติในเทศกาลกินเจ

สำหรับวันที่ 15 ตุลาคม 2555 นี้ เป็นวันแรกของเทศกาลกินเจ  หลายๆคนอาจจะทราบแค่เพียงว่าการกินเจคือการงดกินสัตว์  แต่จริงๆแล้วการกินเจนั้นมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมาก  ซึ่งจะนำมาข้อมูลเสนอคร่าวๆ ดังนี้

ประเพณี การกินเจ หรือ เทศกาลกินเจ จะกำหนดเอาวันตามจันทรคติ คือเริ่มต้นตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ ถึง ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีนทุก ๆ ปี รวม 9 วัน 9 คืน มีจุดเริ่มต้นจากประเทศจีน โดยผู้ที่กินเจอาจจะมีจุดเริ่

มต้นที่แตกต่างกันไป แต่จุดประสงค์หลักสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ กินเพื่อสุขภาพ, กินด้วยจิตเมตตา และกินเพื่อเว้นกรรม
ในช่วงเทศกาลกินเจมีข้อห้ามที่ยึดถือปฏิบัติกันมานานอยู่หลายข้อ เชื่อกันว่าถ้าปฏิบัติได้ครบทุกข้อจึงจะเข้า ถึงการกินเจที่ถูกต้องและ ได้บุญอย่างแท้จริง จึงขอยกข้อปฏิบัติทั้ง 10 ข้อในเทศกาลกินเจมาเล่าให้ฟังกั

1. การงดกินผักฉุนหรือผักที่มีกลิ่นแรง
    ประกอบ ไปด้วยพืชผัก 5 ชนิด ได้แก่ กระเทียม (หัวกระเทียม, ต้นกระเทียม) หัวหอม (ต้นหอม, ใบหอม, หอมแดง,หอมขาว,หอมหัวใหญ่) หลักเกียว (ลักษณะคล้าย หัวกระเทียม แต่เล็กกว่า) กุ้ยช่าย (ใบคล้ายใบหอม แต่แบนและเล็กกว่า) ใบยาสูบ (บุหรี่,ยาเส้น,ของเสพติดมึนเมา)
ผักเหล่านี้เป็นผักที่มีรสหนัก กลิ่นรุนแรง นอกจากนี้ยัง ให้โทษทำลายพลังธาตุในร่างกาย เป็นเหตุให้อวัยวะหลักสำคัญภายในทั้ง 5 ทำงานไม่ปกติ สำหรับผู้ปฏิบัติสมาธิกรรมฐานไม่ควรรับประทาน เพราะผักดังกล่าวมีฤทธิ์กระตุ้นจิตใจและอารมณ์ให้เร่าร้อน ใจคอหงุดหงิด โกรธง่าย และยังมีผลทำให้พลังธาตุในร่างกายรวมตัวไม่ติด จิตใจจะไม่บริสุทธิ์ ซึ่งในข้อห้ามนี้มีบางคนยังข้องใจกันมาก คือ กระเทียมซึ่งทางการแพทย์และเภสัชกรพบว่า สามารถรับประทานเป็นยาได้ ทั้งนี้เพราะเป็นสารที่มีประโยชน์สามารถละลายไขมันในเส้นเลือดได้ เช่น ผู้ป่วยที่ เป็นโรคเส้นโลหิตเลี้ยงหัวใจตีบหรืออุดตัน เป็นต้น แม้ทางการแพทย์แผนโบราณก็ยืนยันตรงกันว่ากระเทียมเป็น สมุนไพรรักษาโรคได้ แต่คนจีนที่ปฏิบัติในการกินเจถือว่าให้โทษกับหัวใจ ซึ่งในข้อนี้ต้องขึ้นอยู่กับความเชื่อของ แต่ละคน
2. การงดกินเนื้อสัตว์
   ประกอบไปด้วย เนื้อวัว หมู ปลา หรือสัตว์มีชีวิตที่ใช้เป็นอาหารได้ เพราะคนจีนเชื่อว่าก่อนตายมันจะตกอยู่ในอาหารตกใจกลัวเมื่อเรากินมันเข้าไป อาจจะทำให้เรามีบาปติดตัวไปด้วย เพราะมันคือสิ่งที่มีชีวิตเหมือนกับคน ข้อนี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่คนจีนถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด แต่มาถึงปัจจุบันบางคนเริ่มหาข้อคัดค้านว่าสัตว์บางชนิดอย่างหอยหรือปลาเล็กๆก็น่าจะรับประทานได้เพราะมันเป็นสัตว์ไม่มีเลือด ตามความเชื่อแล้วมันขึ้นอยู่กับแต่ละคน แต่ถ้าในความเป็นจริงแล้ว คนจีนเขาเชื่อว่าประเพณีนี้ศักดิ์สิทธิ์ถ้าปฏิบัติให้เคร่งครัด ถึงจะมีคนคัดค้านแต่กับข้อนี้คงไม่ได้ผล
3 ไม่ควรกินอาหารรสจัด
ไม่ใช่แค่รสเผ็ดอย่างเดียว รวมไปถึงรสเค็มมาก หวานมากหรือเปรี้ยวมากด้วย โดยปกติคนจีนจะไม่กินรสจัดอยู่แล้วเพราะถือว่าจะเข้าไปทำลายสุขภาพ อย่างกินเผ็ดจัดก็จะไปทำลายกระเพาะ กินเค็มมากจะไปทำลายไตได้ และอีกอย่างน้ำปลาก็ทำมาจากสัตว์เหมือนกัน ข้อห้ามนี้ถือว่าถูกหลักของการแพทย์ แต่บางคนที่ปฏิบัติไม่เคร่งครัดนัก เช่น ชอบรสเค็มจัดก็ใช้เกลือแทนน้ำปลา อันนี้ถือว่าไม่ผิด
4. ต้องกินอาหารที่คนกินเจด้วยกันปรุง
ข้อนี้ถ้าปฏิบัติได้จะถือว่าบริสุทธิ์จริงๆ แต่ถ้าทำให้เกิดความยากลำบากก็ไม่จำเป็น จะได้ไม่ต้องเลือกร้านกันจ้าละหวั่น ฉะนั้นคนที่ปรุงอาจจะไม่ได้กินเจก็ได้แต่ขอให้อาหารที่กินเข้าไปเป็นอาหารเจก็พอ
5. ถ้วยชามจะต้องไม่ปนกัน
เพราะเขาถือเคร่งครัดว่าอาหารคาวซึ่งชาวจีนเรียกว่า ” ชอ ” นั้นถ้วยชามจะใช้ปนกันไม่ได้ จะถือว่าล้างสะอาดหมดจดแล้วจึงเอามาใช้ก็ผิดอีก บางคนคิดว่าล้างให้สะอาดมากๆก็ไม่จำเป็นต้องแยก แต่ข้อนี้ถือว่าเป็นธรรมเนียมเหมือนอย่างอิสลามที่ไม่ยอมใช้ถ้วยชามปนกันเหมือนของจีนนั่นแหละ
6. ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
ข้อนี้ตรงกับการรักษาศีลของชาวพุทธ การฆ่าสัตว์ของชาวจีนตั้งแต่สัตว์เล็กๆไปจนถึงสัตว์ใหญ่เป็นข้อเคร่งครัดเช่นกัน บางคนสงสัยอีกว่าอย่างถ้าเป็นยุงหรือมดฆ่าได้ไหม ตามความเชื่อแล้วห้ามเด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะถือว่าปฏิบัติไม่ครบ
7. แต่งกายด้วยชุดขาว
ข้อนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน บางคนก็ใส่ชุดสีขาวตลอดจนถึงออกเจเพราะเชื่อกันว่านอกจากงดอาหารต่างๆในร่างกายสะอาดแล้ว ภายนอกแม้จะเป็นเครื่องแต่งกายก็ต้องสะอาดด้วย ข้อนี้ไม่ใคร่เข้มงวดสำหรับบุคคลที่ปฏิบัติอยู่กับบ้าน ไม่ได้ไปที่แจตั๊วหรือสถานที่ทำพิธีกินเจ
8. พูดจาไพเราะ
คนที่ถือศีลกินเจไม่ใช่เพียงแต่กินของสะอาดเท่านั้น แต่คำพูดที่พูดออกจากปากก็ต้องสะอาดด้วย สิ่งไม่ดีทั้งหลายไมควรพูดหรือที่เรียกว่า ” ปากเจ ” ซึ่งประกอบไปด้วย ไม่พูดเท็จ ไม่พูดยุแหย่ ไม่พูด เพ้อเจ้อ ถ้าปฏิบัติได้ก็ถือว่าสะอาดทั้งหมด
9. งดดื่มสุราและของมึนเมา ตลอดช่วงเวลา 9 วัน
ข้อนี้สำคัญเพราะการงดอาหารที่เป็นของคาวแล้วสิ่ง ที่สร้างความมึนเมาหรือสิ่งแปลกปลอมในร่างกายก็ห้ามเข้าสู่ร่างกายด้วย
10. ห้ามดับตะเกียงทั้ง 9 ดวง
คนที่จะไปกินเจมักจะไปชุมนุมกันที่ แจตั๊วหรือสถานที่กินเจ ณ ที่นั้น เขาจะประดับดอกไม้ตั้งโต๊ะบูชา วางกระถางธูปและตั้งเครื่องเจ ต่างๆ นอกจากนี้ ก็จุดโคม 9 ดวงเพื่อสมมติเป็น ” เก๊าฮ้วงฮุดโจ้ว ” นั่นเอง ซึ่งจะต้องจุดไว้ทั้งกลางวันและ กลางคืนจนตลอดงานทีเดียว ถ้าดับโคมไฟดวงใดดวงหนึ่ง ก็จะถือว่าไม่เป็นสิริมงคลและไม่ครบถ้วนพิธีการกินเจ

สำหรับการล้างท้องนั้น ผู้ที่จะถือศีลกินเจมักจะล้างท้องโดยการกินอาหารเจก่อนวันจริง 1-2 วัน ซึ่งก็จะทำให้การถือศีลกินเจนั้นรวมเป็น 10 วัน

แถมอีกนิดสำหรับข้อแตกต่างระหว่าง การกินเจ กับ การกินมังสวิรัต
มังสวิรัติ คือการงดเว้นรับประทานเนื้อสัตว์ แต่สามารถรับประทานผลิตผลที่ได้จากสัตว์เช่น ไข่ นม ชีส ได้ นอกจากนี้ยังรับประทานผักผลไม้ได้ทุกชนิดโดยไม่มีข้อจำกัดใด ๆ ทั้งสิ้น ใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่มีข้อห้ามเกี่ยวกับการแต่งกาย แม้กระทั่งการมีเพศสัมพันธ์

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้อปฎิบัติหรือข้อห้ามในการกินเจ ใครจะปฏิบัติตามหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อของตัวเอง ใครที่ไม่ได้เป็นลูกหลานชาวจีนถ้าต้องการจะมีร่างกายและจิตใจ ที่บริสุทธิ์และได้ทำบุญกุศลอาจจะอยากเข้าร่วมพิธีนี้ด้วยก็ได้ เป็นการดีเสียอีกที่ปีหนึ่งคนเราหันมาทำบุญร่วมกัน

ที่มา teenee.com

ป้ายกำกับ:

เรื่องน่าสนใจ