จากกรณี สำนักข่าวของเกาหลีใต้เปิดเผยเรื่องราวช่วย 5 หญิงไทยถูกบังคับค้าประเวณีที่เมืองปูซาน หลังหนึ่งในเหยื่อเขียนกระดาษโน้ตขอความช่วยเหลือจากพนักงานแคชเชียร์ในซูเปอร์มาเก็ต โดยเป็นข้อความภาษาอังกฤษ เกาหลี และภาษาไทย มีใจความระบุว่า “ช่วยแจ้งตำรวจให้ด้วย ฉันโดนจับอยู่ชั้น 4 ของตึก” จนทำให้เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเธอและเพื่อนอีก 4 คน ออกจากขุมนรกได้ทั้งหมด
ตำรวจเปิดเผยว่า นายลี นายหน้าชาวเกาหลี ได้ล่อลวงหญิงไทยทั้ง 5 คน อ้างว่าจะพามาทำงานร้านนวดไทยที่ถูกกฎหมาย แต่เมื่อทั้ง 5 คนมาถึง นายลียึดหนังสือเดินทางของทั้ง 5 คน และขังเหยื่อไว้ในอาคาร บังคับให้ค้าประเวณี นายลียังเผยด้วยว่า ตนโฆษณาธุรกิจค้ากามผ่านทางออนไลน์ และจะไปพบลูกค้าที่สถานีรถไฟใต้ดินเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับ
ทั้งนี้มีรายงานระบุว่า นายลีอ้างว่าได้รับเงินประมาณ 86 ดอลลาร์ (2,930 บาท) ต่อการที่สาวไทยค้าประเวณีครั้งหนึ่ง โดยเดือนแรก สาวไทยทั้ง 5 คน ไม่ได้รับเงินแต่อย่างใด จนเดือนต่อมาถึงได้รับเงินตอบแทน 35 ดอลลาร์ หรือราว 1,190 บาท ต่อครั้ง
ด้าน น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงกรณีดังกล่าวว่า จากการประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ทราบว่า เรื่องโน้ตขอความช่วยเหลือจากหญิงไทยที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชนเกาหลีใต้ เกิดเหตุขึ้นมาพักใหญ่แล้ว โดยกลุ่มคนไทยเข้าไปในเกาหลีใต้ตั้งแต่เดือน มี.ค. ขณะนั้นตำรวจเกาหลีใต้และหญิงไทยไม่ได้ติดต่อสถานเอกอัครราชทูตแต่อย่างใด
ทางสถานทูตตรวจสอบข่าวกับสำนักงานตำรวจเกาหลีใต้ทราบว่า ตำรวจเกาหลีใต้ได้ช่วยเหลือหญิงไทยทั้งหมด 17 คน แบ่งเป็นหมอนวดจริงๆ 12 คน และหญิงขายบริการ 5 คน ทุกคนได้รับการช่วยเหลือ และได้มีการคืนพาสปอร์ตให้กับผู้เสียหาย พร้อมทั้งเงินเดือนที่ยังค้างจ่ายให้แก่ทุกคน ทั้งนี้ หญิงไทยทั้ง 17 คนได้ถูกส่งกลับประเทศไทยไปหมดแล้ว ตำรวจได้พิจารณาและกำลังดำเนินคดีกับเจ้าของร้านตามกฎหมายต่อไป