สำหรับคอกาแฟและผู้ที่ชื่นชอบขนม เรามี 20 ร้านกาแฟเล็กๆ สุดชิค ในกรุงเทพฯมาแนะนำกันครับ

1419517246-Image00001-o

คุณ amenochikara เจ้าของเพจ bangkokeatbig ได้รีวิวร้านกาแฟ-ขนมที่เปิดอยู่ตามซอกหลืบ ผ่านทาง pantip ซึ่งแต่ละร้านมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น จนต้องหาโอกาสเข้าไปลิ้มลองรสชาติกาแฟ-ขนม และดื่มด่ำกับรรยากาศในร้านสุดชิคเหล่านี้กัน …ลองไปชมกันเลยครับ

1. Size S Coffee & Bakery – ซอยงามดูพลี (ถนนพระราม4)

Size S เป็น cafe ที่ดัดแปลงจากห้องแถวในซอยงามดูพลี (จอดรถได้ที่ลานจอดรถที่2ของร้านจันทร์เพ็ญ) แต่ทำร้านซะสวยเข้าไปแล้วไม่เหมือนอยู่ในห้องแถวเลย

1419517673-DSC0134-o

เมล็ดกาแฟร้านของนี้มีให้เลือกทั้งตัว house blend เมล็ดกาแฟสูตรของทางร้านที่ผสมเมล็ดกาแฟไทยกับเมล็ดนำเข้าเมล็ดกาแฟนำเข้า หรือแบบ Single Origin คือเมล็ดกาแฟนำเข้าที่เปลี่ยนหมุนเวียนพันธ์หรือแหล่งผลิตไปเรื่อยๆให้เราได้ลองชิมกาแฟชนิดใหม่ๆ  ทั้งสองแบบเอามาชงเป็นกาแฟ ได้ทั้ง espresso based และแบบ drip

1419517682-DSC0089-o

1419517693-DSC0103-o

1419517701-DSC0110-o

ร้านนี้ยังทำขนมเองด้วยนะครับ ขนาดของชิ้นขนมเล็กกะทัดรัดสมชื่อ Size S ชิ้นเล็กแบบนี้ถึงมาคนเดียวก็ทานได้หลายอย่าง แนะนำ “cheese cake” ของร้านนี้มากเลย เนื้อฉ่ำรสเข้มข้น ไปทีไรสั่งทุกที

1419517709-DSC0129-o

1419517717-DSC0087-o

2. ES/PE/RO – สาทร ซอย 1

ร้านต่อมาอยู่ใกล้ร้านแรกถึงขั้นเดินถึงกันได้ในช่วงอากาศดีแบบนี้ ES/PE/RO เป็นร้านกาแฟเล็กๆ ในซอยเกอเธ่ (สาทรซอย1) ชื่อร้านเป็นภาษา Esperanto แปลว่า ‘ความหวัง’ ตัวร้านขนาดเล็กจิ๋วมาก มีแค่ 2-3 โต๊ะ รวมๆแล้วนั่งได้ไม่ถึง 10 คน เจ้าของร้านเป็นครูสอนภาษาสักคนในสถาบันเกอเธ่ฯที่มอบหมายให้คุณแม่ดูแลร้าน บรรยากาศค่อนข้างอบอุ่นและเป็นกันเอง

1419517750-DSC0049-o

1419517765-IMG5568-o

1419517778-DSC1385-o

ร้านนี้เลือกใช้เมล็ดกาแฟผลิตในประเทศไทยจากจังหวัดน่าน มีเมนูที่ไม่ค่อยเห็นร้านอื่นทำอย่าง “Espresso con panna”  คือ กาแฟเอสเพรสโซใส่ครีม

1419517789-DSC0035-o

 

ในร้าน ES/PE/RO ยังมีขนมอร่อยๆ จากร้าน Yellow Spoon วางขายด้วยครับ

1419517797-DSC0010-o

 

3. Yellow Spoon – เอกมัยซอย 19

Yellow Spoon เป็นร้าน Artisan Bakery หรือร้านขนมที่ไม่ใช้สารเคมีปรุงแต่ง เน้นที่ความอร่อยแบบเรียบง่ายจากตัววัตถุดิบ หน้าตาก็เรียบๆตามไปด้วย ออก minimal ไม่ตกแต่งอะไรมาก

 

1419517906-Image00004-o

ตัวร้านเป็นห้องแถวเล็กๆในเอกมัยซอย 19 ร้านตกแต่งน่ารักดี ใช้เครื่องเรือนไม้โทนอบอุ่นเหมือนคาเฟ่ญี่ปุ่น

1419517917-Image00010-o

ขนมของร้านนี้จะมักผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ มีบางเมนูที่ยืนพื้นตลอดและผมชอบมากคือ “Peach Raspberry Frangipane Tart” กับ “Mascarpone Tart”

1419517862-Image00005-o

1419517835-Image00007-o

1419517848-DSC0805556-o

 

4. Kaffe50 – เอกมัยซอย 21

จากเอกมัยซอย 19 ขอย้ายมาซอยข้างๆบ้าง คือ ซอยเอกมัย 21
Kaffe50 เป็นร้านขาย furniture สไตล์ vintage ที่มี coffee corner ในตัวร้าน

04-01

ขนาดร้านค่อนข้างเล็ก ตอนเดินผ่านหน้าร้านทีแรกไม่ทันสังเกตเห็นด้วยซ้ำ ตอนนั้นผมแวะถ่ายรูปน้องหมานอนหลับริมถนนตรงหน้าร้านพอดี เงยหน้าขึ้นมาถึงเห็นว่าเป็น cafe

04-02

ในร้านจะมีโซนขาย furniture มือสอง กับ coffee corner แยกกัน บรรยากาศดูติสท์ๆแนวๆ กระทั่งถ้วยกาแฟยังแปลกแหวกแนวเลยครับ เป็นถ้วยเครื่องเคลือบแบบไม่มีหูจับ แปลกดี ถึงจะเป็น coffee corner เล็กๆ กาแฟที่คุณน้าผู้หญิงเจ้าของร้านชงเองอร่อยไม่แพ้ cafe ใหญ่ๆหลายๆร้านเลยครับ

04-03

 

5. One Ounce for Onion – เอกมัยซอย 12

ยังคงวนเวียนแถวย่านเอกมัย One Ounce for Onion ในซอยเอกมัยซอย 12 เป็นร้านของคนดังในวงการกาแฟ คือ คุณเตเต เจ้าของแบรนด์เมล็ดกาแฟ BRAVE Roasters โดยทางร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟจากภาคเหนือประเทศไทยมาคั่วเอง เมล็ดกาแฟที่นี่ทำออกมาหลาย collection แล้ว เหมือนเป็น lab ทดลองทำกาแฟใหม่ๆออกมาเรื่อยๆ เป็นการเพิ่มคุณค่าและความตื่นตัวให้ตลาดเมล็ดกาแฟไทย ซึ่งเป็นจุดที่ผมชอบมาก

05-01

05-02

05-03

ตัวร้าน(แน่นอนร้านขนาดเล็กอีกเช่นกัน)ใช้พื้นที่ร่วมกับร้านขาย accessories ขื่อ Onion ครับ ร้านสวยดีสมเป็นร้านขายของ select shop ที่นั่งจะน้อยหน่อย มีแค่ 2-3โต๊ะกับ counter bar อีกไม่กี่ที่นั่ง เวลาไปไม่กล้านั่งนานเท่าไร ด้วยความที่ใกล้บ้านผมเลยไปบ่อย บางทีก็พก tumbler ไปซื้อกาแฟแล้วออกมาเลย

05-04

05-05

 

6. I+D Style Cafe x Brave Roaster by DIPT – ชั้น G, Siam Center

ร้านนี้ไม่ได้อยู่ตามหลืบในตรอกซอกซอย แต่อยู่ในส่วนเกือบจะหลืบในมุมห้างใหญ่อย่าง Siam Center

06-01

ที่จริงโครงการ I+D Style Cafe x Brave Roaster by DIPT เป็นพื้นที่รวบรวมผลงานนักออกแบบชาวไทยไว้ในร้านกาแฟ

ซึ่งโครงการนี้จัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เพื่อให้สนับสนุนผลงานออกแบบของดีไซนเนอร์ชาวไทย บทจะเลือกร้านกาแฟสักร้านเข้ามาชงกาแฟในพื้นที่ส่วนนี้ จึงได้เลือก craftsman เมล็ดกาแฟไทย อย่าง BRAVE Roasters มาออกแบบเครื่องดื่มในร้าน

06-02

06-03

เมนู signature เป็น cold brew ชื่อ ‘Sukhumvit’ (เหมือนตอนร้านเปิดใหม่ๆ ขวดจะสวยกว่านี้เพราะมีครั่งด้วย สงสัยตอนผมไปครั่งคงหมดแล้ว 55) นอกจาก ‘Sukhumvit’แล้ว ผมได้ลอง cold brew อีกตัว คือ “Jomthong Honey” ผมชอบมากกว่า ‘Sukhumvit’ ซะอีกครับ

06-04

06-05

06-06

 

7. Pastoral cafe’ and 248 studio – BTS พญาไท

เขยิบออกจากสยามมาสักนิด มาถึงโซนพญาไท ในซอยหน้าปทุมวันรีสอร์ท มีร้านกาแฟห้องแถวเล็กๆ(อีกแล้ว) ชื่อร้าน Pastoral cafe’ and 248 studio ทีเด็ดของร้านคือ ขนมอบ “gluten free” กับ กาแฟ “house blend”

07-01

07-02

โดยขนมของร้านนี้จะออกแนวสุขภาพดีหน่อย เช่น banana cake / pumpkin cake / carrot cake ตัวแนะนำคือ  “Mom’s banana cake” ที่อบจนกรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟพร้อมซอสคาราเมล หรือ “carrot cake” ของร้านนี้ก็อร่อยนะครับ

07-03

07-04

07-05

ร้านนี้ขนมและกาแฟอร่อยมาก เป็นที่น่าเสียดายที่ร้านกำลังจะปิดตัวลงในเดือน กพ. 2015 เพราะเจ้าของร้านกำลังจะไปเรียนต่อ ช่วงนี้ผมเลยแวะไปอุดหนุนร้านนี้หลายครั้งแล้วเพราะกลัวจะไม่ได้กินอีกพักใหญ่ๆ

8. Quest Connaisseur Cafe – BTS พญาไท

หลายคนอาจคุ้นเคยกับร้านอาหารไทยเจ้าดังใกล้สถานี BTS พญาไท ชื่อ ครัวกรุงเทพ ข้างๆครัวกรุงเทพ เจ้าของเดียวกันเปิดร้านกาแฟไว้ด้วยครับ ชื่อว่า Quest Connaisseur Cafe

08-01

QUEST มี house blend เฉพาะตัว เป็นการจับคู่ผสมเมล็ดกาแฟไทยกับเมล็ดกาแฟนำเข้า

ตอนนี้ house blend มีถึง 3 ตัวแล้ว ชื่อ blend ก็เรียงกันไป QUEST I, QUEST II, QUEST III ตามลำดับ (มีใครอ่านแล้วนึกถึง Dragon Quest แบบผมมั่งไหม 555) กาแฟวันนั้นผมดื่ม QUEST I เป็นเมล็ดกาแฟไทยผสมเมล็ดกาแฟ Columbia หอมอร่อยดีเหมือนกันครับ

08-02

08-03

ร้านมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง มีทั้งที่นั่งในร้านและนอกร้าน(เป็นสวนหลังร้านที่ใช้พื้นที่ร่วมกับครัวกรุงเทพ) มีคนมาใช้บริการเยอะเหมือนกัน ดูเหมือนจะเป็นร้านที่ไว้นั่งแช่ทำงาน/อ่าหนังสือสำหรับคนแถวนั้นครับ ที่นั่งในสวนน่าจะเหมาะกับหน้าหนาวอากาศดีๆแบบนี้

08-04

08-05

 

9. CØFFEE No.9 – อารีย์ซอย 1

ถนนเส้นเดิมเขยิบขึ้นมาอีกนิดมาถึงย่านอารีย์ เรียกได้ว่าหนึ่งในเป็นย่านที่มี cafe เปิดเยอะมาก ในซอยอารีย์สัมพันธ์ 1

ตรงหน้าสหกรณ์จะมีร้านกาแฟเล็กๆ เล็กในที่นี้คือ เล็กยิ่งกว่าห้องแถว เพราะร้านนี้มีขนาดประมาณ 2X2 เมตรเท่านั้น  ไม่มีโต๊ะมีแค่เคาท์เตอร์ให้สั่งแบบ grab and go ข้างๆเคาท์เตอร์มีเก้าอี้ 2-3 ตัวให้นั่งจิบกาแฟได้

09-01

พี่ผู้ชายเจ้าของร้านเป็นคนคั่วกาแฟเอง ชงเอง ล้างแก้วเอง ทำทุกอย่าง มีหนนึงผมไปซื้อกาแฟแล้วปรากฏว่านมหมด เจ้าของก็วิ่งไปซื้อที่ 7-11ใกล้ๆ ปล่อยผมเฝ้าร้านแทนชั่วคราว 5555

กาแฟร้านนี้ price range ค่อนข้างย่อมเยา แต่รสกาแฟเข้มข้นและหอมอร่อยมาก ที่สำคัญคือ ไปกินกี่ครั้งก็รสชาติคงเส้นคงวาด้วย

09-03

09-04

09-05

 

10. Porcupine – อารีย์ (ระหว่างซอย3 กับซอย4)

หนึ่งในคาเฟ่บรรยากาศดี ร้านน่ารักที่จริงมีจำนวนโต๊ะเก้าอี้เยอะอยู่ แต่ไปทีไรคนแน่นมาก เพราะส่วนใหญ่เน้นมานั่งทำงานกัน เลยหาที่นั่งว่างไม่ค่อยได้

ตัวกาแฟของร้านนี้ผมเฉยๆ แต่ชอบ brownies โปะเบคอน ราดคาราเมล รสเค็มๆมันๆเข้ากันดี เคยทานพวก chocolate bar ผสม bacon bits หลายครั้งแต่ brownies ใส่เบคอนนี่เพิ่งเคยเห็นจริงๆ

10-01

10-02

10-03

10-04

 

11. La Liart Café & Tokyo Bike – อารีย์ซอย 2

ยังคงวนเวียนอยู่ในซอยอารีย์ ร้านนี้เป็นการ team up ระหว่างร้าน Tokyo Bike ขายจักรยานจากญี่ปุ่นกับ La Liart Coffee ผู้ผลิต+จำหน่ายเมล็ดกาแฟจากอำเภอแม่แจ่ม เชียงใหม่ ออกมาเป็นร้าน La Liart Café & Tokyo Bike ในอารีย์ซอย 2

11-01

11-02

11-03

กาแฟร้านนี้ออกติดขมแบบไหม้ๆไปหน่อยสำหรับผม แต่ขนมอร่อยดีและร้านตกแต่งสวยดี เป็นบ้านในสวน มีที่นั่ง out door ด้วยครับ

11-04

11-05

11-06

 

12. Aran Bicicletta – ซอยพหลโยธิน 2

ร้านนี้ที่จริงถ้าดูตามแผนที่คืออยู่หลัง La Villa Aree เลย แต่มันไม่มีซอยทะลุไปจาก La Villa Aree เลยต้องเดินไปถึงปากซอยพหลโยธิน 2 แล้วย้อนเข้ามา

12-01

Aran Bicicletta เป็นร้านกาแฟที่ใช้พื้นที่ร่วมกับ BARKA ที่เป็น bar & restaurant อยู่ติดกัน

12-02

ตัวร้านสวยดี กาแฟก็ราคาค่อนข้างมิตรภาพ เหมือนจะเป็นร้านที่พวกนักปั่นชอบมาจิบกาแฟกัน บรรยากาศดูเป็นกันเองดีครับ วันที่ผมไปมีอาเฮียตัวผอมๆสูงๆนอนบนเก้าอี้ยาวหน้าร้าน เฮียแกเปิดรายการทีวีสักอย่างด้วย smartphone แบบเปิด speaker on เผื่อแผ่ถึงคนอื่นในร้าน ทีแรกคิดว่าเขาเป็นลูกค้าประจำ จนเฮียเดินเข้าไปชงกาแฟนั่นแหละถึงรู้ว่าเป็นเจ้าของร้าน  555 มีพวกนักปั่นมานุ่งคุยกันเหมือนเป็น community ของเหล่า biker

12-03

12-04

12-05

12-06

12-07

 

 

13. Fill in the blank – สุขุมวิท 61

ร้านเล็กๆบรรยากาศน่ารัก ตกแต่งด้วยวัสดุธรรมชาติดิบๆหน่อย เช่น ไม้กระดานเปลือย ผนังสังกะสี หรือเครื่องมือเครื่องใช้ในเทือกสวนไร่นาวางเรียงรายเป็นของประดับ เห็นแล้วนึกถึงพวกโรงนาใน farm

13-01

13-02

13-03

 

เมนูมีอาหารคาวทั้งหวานให้เลือกเยอะเหมือนกัน วันนั้นได้ลองทานแค่ pasta pesto sauce รสชาติใข้ได้ แต่ประทับใจ chocolate mousse มากกว่า รสชอกโกแลตเข้มข้นดี ส่วนกาแฟก็รสชาติโอเคเลยครับ หลังร้านมีมุมขายข้าวของเครื่องใช้แนว life style shop ด้วยครับ

13-04

13-05

13-06

 

14. Phil coffee company – สุขุมวิท 61

Phil coffee company เคยเป็น coffee roaster ที่เปิดให้ pre order ทาง internet เท่านั้น จนเมื่อไม่นานมานี้จึงเพิ่งจะได้เปิด café เป็นของตัวเองในซอยสุขุมวิท 61 ใน ในร้านมีกาแฟ blend สูตรดังๆของ Phil coffee company เช่น Humming Bird หรือ Wakecup Blend พวก Single Origin นำเข้าจาก Brazil หรือ Columbiaก็มีนะครับ

14-01

14-02

14-03

 

เมนูกาแฟ signature ของที่นี่คือ Split Espresso เป็น Espresso เพียวๆครึ่ง shot แล้วอีกครึ่ง shotเอาไปทำเป็น piccolo สั่งแก้วเดียวได้ลองลิ้มรส 2 แบบเลย

14-04

14-05

 

15. Mitte Coffee – ซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 33

ร้านนี้ที่จริงอยู่นอก กทม. คือ อยู่แถวเมืองทองธานี แต่ก็อยากแนะนำ เพราะทั้งกาแฟและอาหารอร่อย

ปกติผมจะวนเวียนอยู่ในเมืองมากกว่า ที่บังเอิญรู้จักร้านนี้เพราะไปเจอ IG ของ barista เจ้าของร้าน post เกี่ยวกับเมล็ดกาแฟของ Phil coffee company ครับ

15-01

15-02

15-03

ร้าน Mitte เหมือนจะมีเจ้าของร้าน 2 คนแบ่งหน้าที่กันทำชัดเจน คือน้องผู้ชายที่เป็น barista ก็ดูแลเรื่องกาแฟ น้องผู้หญิงอีกคนดูเรื่องอาหาร+ขนม ตัวกาแฟ อาหารก็อร่อยแต่ที่ประทับใจสุดคือกาแฟรสเข้มข้นหอมมัน ฟองนมเนียนนุ่ม นี่ถ้าอยู่ใกล้บ้านจะไปบ่อยๆเลย

15-04

15-05

 

16. Ceresia – สุขุมวิท 33/1

กลับมาที่ใจกลางกทม. กับ coffee roaster เจ้าดังอย่าง Ceresia ที่คั่วกาแฟเอง โดยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเมล็ดพันธ์ไปเรื่อยๆ

16-01

16-02

16-03

ทางร้านใส่ใจรายละเอียดมาก ถึงขั้นที่มีบอร์ดเขียนบอกไว้เลยว่า กาแฟพันธุ์อะไรจากแหล่งผลิตไหน คั่วไว้เมื่อไร นอกจากความหลากหลายและพิถีพิถันเรื่องเมล็ดกาแฟแล้ว ทางร้านยังมีแม่เหล็กชั้นดีเป็นพี่ผู้ชายเจ้าชองร้านตัวสูงปรี๊ดหน้าขาวใส เป็นทั้งคนชงกาแฟและอธิบายเรื่องกาแฟให้ลูกค้า  (ได้ยินว่าเจ้าของร้านเคยทำงานในวงการบันเทิงมาก่อนด้วยครับ)

16-04

16-05

 

17. Jaiyen Cafe – สุขุมวิท 33

ไอติมไทย”ใจเย็น”เคยเป็นแบรนด์ไอศกรีม homemade ที่เปิดให้สั่งซื้อแบบไม่มีหน้าร้าน ไอศครีมของทางร้านมีเอกลักษณ์ คือ ความหลากหลายของไอศครีมรสไทยๆ อย่าง รสนมเย็น รสมะนาวน้ำผึ้ง รสแตงโม หรือรสมะพร้าวน้ำหอม

จนภายหลังถึงได้มาเปิด Jaiyen Café ในซอยสุขุมวิท 33 มีโต๊ะให้นั่งทานในร้าน แต่ด้วยความที่ตัวร้านขนาดเล็กจิ๋วมาก มีโต๊ะเก้าอี้เรียงๆกันแบบเบียดๆ แต่ลูกค้าเยอะเข้าขั้นล้มหลามแทบตลอด ไปทีไรไม่เคยได้นั่งทานในร้าน ลงเอยด้วยการซื้อใส่ถ้วยยืนกินหน้าร้านทุกทีไป ผมชอบไอศครีมรสแตงโมของร้านนี้มากเลยครับ

17-01

17-02

17-03

 

 

18. PARDEN (Fruits Parlor Cafe’ and ZAKKA) – สุขุมวิท 39

อันที่จริงร้าน PARDEN นี้ก็ไม่ได้ตั้ง stand alone ตามหลืบในตรอกซอกซอย แต่อยู่ใน community mall เล็กๆ ในสุขุมวิท39 ชื่อว่า The Manor 39 (หลายคนน่าจะร้องอ๋อ ถ้าบอกว่าเป็น mall เดียวกับที่มี Bankara Ramen หรือไก่ทอดYamachan) แต่เหมือนจะไม่ค่อยมีคนรู้ว่าชั้น 2 ของmall นี้มี café ชื่อ PARDEN

18-01

18-02

18-03

ร้าน PARDEN ขายขนมและไอศครีม parfait ทำจากผลไม้ โดยชนิดของขนมและไอศครีม parfait ก็จะเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อยๆตามผลไม้ในฤดูกาลนั้นๆ

ของดังของร้านคือ PARDEN parfait ที่เป็นไอศกรีมโปะด้วยผลไม้รวมกว่า 10 ชนิด แต่ที่ผมชอบมากกว่าคือ ไอศครีม parfait จากผลไม้ชนิดเดียวของฤดูกาลนั้นๆ  เช่น ถ้าไปทานฤดูที่มีมังคุดก็จะมี seasonal menu  เป็นไอศครีม parfaitมังคุด ที่มีทั้งไอศกรีมรสมังคุด เยลลี่มังคุด และมังคุดสดรวมอยู่ในถ้วยเดียว หรือ ถ้าตอนนั้นทางร้านมีเมล่อนก็จะนำเมล่อนมาปรุงหลายๆรูปแบบจนออกมาเป็น melon parfait เรียกว่าสั่งถ้วยเดียวได้ดื่มด่ำกับฤดูกาลแบบเต็มอิ่ม

พวกชากาแฟในร้านก็เลือกใช้แบบ organic ครับ ดีต่อสุขภาพทั้งขนมและเครื่องดื่มเลย

18-04

18-05

 

19. Casa Lapin X49 – สุขุมวิท49

ถ้าเปรียบ cafeตามซอกหลืบเป็น Indie แล้ว Casa Lapin ก็น่าจะจัดได้ว่าเป็น indie ที่สามารถ major debut ได้สำเร็จ

19-01

19-02

ที่จริงร้าน Casa Lapin สาขาที่ผมชอบที่สุดคือ สาขาใน Thonglor Art Village ที่มีโต๊ะแค่ 2 ตัวกับที่นั่งหน้า counter bar แค่ 3-4 ที่ กาแฟอร่อยมากและร้านเล็กๆก็ดูอบอุ่นดี ระยะหลังร้านนี้เริ่มขยายหลายๆ สาขาและมีร้านที่ใหญ่ขึ้น เช่น สาขาอารีย์ หรือสุขุมวิท 26 ก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น

19-03

 

สาขาแรกใน Thonglor Art Village ก็ไม่ค่อยเปิดทำการแล้ว (เดินผ่านยังเห็นป้ายอยู่ แต่ไม่เคยเห็นเปิดร้านเลย) เลยขอแนะนำสาขาซอกหลืบเป็นอันดับ 2 ของเครือนี้แทน อยู่ในซอยสุขุมวิท49 ตรงข้ามรพ.สมิตเวช ครับ

ตัวร้านเป็นบ้านเล็กๆดัดแปลงจากห้องแถว ตกแต่งด้วยผนังอิฐ โคมไฟเปลือย เครื่องเรือนไม้ สวยงามแบบลงตัว ช่วงบ่ายแก่ๆตอนแสงสวยๆแทบนึกว่าไม่ได้อยู่ประเทศไทย กาแฟก็อร่อยดี ขนมเหมือนจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆด้วย

19-04

19-05

 

20. Amatissimo – ถนนศรีนครินทร์ (หลัง Paradise Park)

ร้านสุดท้ายของ review ฉบับนี้เป็นอีก cafe ดัดแปลงจากห้องแถว ชื่อ Amatissimo (แต่ขนาดร้านใหญ่กว่าร้านอื่นหน่อย เพราะอยู่นอกเมือง) ตัวร้านอยู่ด้านหลัง Paradise Park ร้านนี้มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่อง bakery premium ที่ใช้เนยฝรั่งเศส โดยเฉพาะครัวซองค์กลิ่นหอมเย้ายวนกรอบนอกนุ่มใน ตัวผมเองชอบขนมปัง brioche หอมนุ่มชุ่มเนยของร้านนี้ไม่น้อยไปกว่าครัวซองค์ แล้วยังเป้นร้านแรกๆ ของประเทศไทยที่ขนม in trend แห่งปีอย่าง Croissant Donut ออกมาด้วย

20-01

20-02

20-03

20-04

เรื่องเครื่องดื่มทางร้านก็มีให้เลือกตั้งแต่กาแฟ espresso basedจากเมล็ดกาแฟ house blend  หรือกาแฟพันธ์แปลกใหม่ๆที่หมุนเวียนไปเรื่อยๆ ให้ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่ๆ อย่างในภาพนี้เป็นกาแฟจากอินโดนีเซีย  Sumatra Wahana Estate : black & white เสิร์ฟ 2 shots เอามาชง shot ละแบบ คือ แบบ espresso กับแบบ cappuccino ให้ลองลิ้มรสว่ากาแฟชนิดเดียวกัน ถ้ากินเพียวๆกับผสมโฟมนมรสชาติจะต่างกันแบบไหน ตัวนี้ถ้ากิน espresso เพียวๆรสเปรี้ยวสดชื่นมาก แต่พอผสมนมแล้วรสเปรี้ยวหายหมดเลย กลายเป็นกาแฟรสนุ่มหอมๆมันๆแทน

20-05

ตอนนี้ทางร้านเพิ่งจะ import เครื่อง Alpha Dominche – Steampunk เข้ามาด้วยครับ เป็นเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติที่ตั้งโปรแกรมได้ค่อนข้างละเอียด ปรับให้เหมาะกับ character ของเมล็ดกาแฟที่ใช้

20-06

20-07

 

ขอบคุณ page: bangkokeatbig และ pantip

ป้ายกำกับ:

เรื่องน่าสนใจ