4 เคล็ดลับกำจัดสารพิษ รับมือกับวิถีชีวิตคนกรุงที่เปลี่ยนแปลง เพราะเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งแวดล้อมรอบตัวเราทุกวันนี้ เต็มไปด้วยสารพิษและสารเคมีต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้นกว่าในอดีตมหาศาล ซึ่งเป็นผลมาจากการเร่งพัฒนาอุตสาหกรรม ทําให้มีโรงงานอุตสาหกรรมผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด พร้อมๆ กับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมากมาย จึงเกิดการสูญเสียความสมดุลทางธรรมชาติ 

4 เคล็ดลับกำจัดสารพิษ

 

4 เคล็ดลับกำจัดสารพิษ รับมือกับวิถีชีวิตคนกรุงที่เปลี่ยนแปลง

ด้วยเหตุต่างๆ เหล่านี้ ทําให้แหล่งอาหารของมนุษย์เราในปัจจุบัน จึงไม่ได้มีแต่สารอาหารอย่างเดียว แต่มีการปนเปื้อนของสารพิษต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสารโลหะหนัก ปรอท สารหนู ที่ตกค้างสะสมอยู่ในเนื้อปลา และอาหารทะเล รวมถึงผักผลไม้ที่เคลือบด้วยยาฆ่าแมลง นอกจากนี้ ในชีวิตประจําวันยังมีโอกาสเสี่ยงเจอกับสารพิษอีกมาก เช่น ควันพิษจากท่อไอเสียรถยนต์ สาวๆ ที่แต่งหน้า ย้อมสีผม ทาสีเล็บกันเป็นประจํา ร้านก๋วยเตี๋ยวที่ใช้หม้อที่มีส่วนผสมของ สารตะกั่ว รวมทั้งที่อุดฟันสีเงินอะมอลกัม (Amalgam) ในช่องปากที่เริ่มสึกหรอ จนมีโอระเหยจากสารปรอทที่เป็นส่วนประกอบ

นอกจากนี้ บรรดาของเล่นเด็ก และเสื้อผ้าเด็กที่มีสีสัน โดยเฉพาะที่มาจากประเทศจีน ก็เคยตรวจพบสารพิษกลุ่มเอมีน หรือพบการปนเปื้อนของสารตะกั่ว ที่มีผลต่อพัฒนาการของเด็ก และก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้ แม้กระทั่งกล่องโฟม ถุงแกงพลาสติกที่เกิดปฏิกิริยากับอาหารที่ร้อนๆ

ฟังดูน่ากลัว แต่ถามว่าทําไมเรายังไม่เป็นอะไรกัน นั่นเพราะว่าร่างกายของเรา มีกลไกต้านอนุมูลอิสระ กําจัดสารพิษเหล่านี้ได้เองอยู่แล้ว เช่น ในตับและไต แต่ถ้าสารพิษเริ่มเพิ่มขึ้น และเรายังรับอยู่ทุกวัน ประกอบกับร่างกายของเราเสื่อมลงแก่ลงทุกวัน จนกลไกขับสารพิษไม่ดีเหมือนหนุ่ม ๆ สาวๆ จึงไม่แปลกเลยที่ตอนนี้ สถิติของโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง จึงเพิ่มขึ้นทุกปี และไม่เคยลดลงเลย

วิธีแก้ปัญหาคือ การระมัดระวังช่องทางที่สารพิษจะเข้าสู่ร่างกายให้มากที่สุด ปรับสมดุลชีวิต ตามนาฬิกาชีวิต เพื่อให้กลไกของร่างกายอยู่ในภาวะสมบูรณ์ที่สุดในแต่ละวัน เช่น หลีกเลี่ยงการนอนดึก เพื่อให้ตับสามารถทํางานได้อย่างเต็มที่ ตื่นแต่เช้าเพื่อออกกําลังกาย ปรับสมดุลฮอร์โมน และเป็นการขับสารพิษที่ออกมาพร้อมกับเหงื่อด้วย หมั่นทานอาหารที่มีกากใยไฟเบอร์สูงๆ ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อไม่ให้เกิดอาการท้องผูก และทําให้ร่างกายไม่สามารถดูดสารพิษจากอุจจาระเข้าสู่ร่างกายได้ ทั้งผักและผลไม้ ก็ควรล้างให้สะอาดก่อนนําไปทาน

สําหรับคนที่ไม่เคยใส่ใจดูแลสุขภาพตัวเองเลย หรือคนที่เคยได้รับสารพิษมาอย่างมากมายแล้ว จําเป็นต้องช่วยกระตุ้นให้ร่างกายมีการขับพิษได้ดีขึ้น โดยเริ่มจากการตรวจคัดกรองสารพิษในร่างกาย และวางแผนการรักษา ดังนี้

ภาพจาก huffpost.com
  • การให้สารน้ำและวิตามิน
    เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับพิษของตับ เป็นเทคนิคที่ใช้วิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระ เกลือแร่ และกรดอะมิโน เข้าไปช่วยกลไกของการขับพิษในตับให้ทํางานได้ดี และมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
  •  การทําคีเลชั่นบําบัด
    ในรายที่ตรวจพบสารพิษ สารโลหะหนักสะสมในร่างกาย เทคนิคการรักษานี้จะมีประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะกรดอะมิโนที่อยู่ในคีเลชั่น จะมีคุณสมบัติ พิเศษ ไวต่อการดักจับโลหะหนักในร่างกาย แล้วขับพาสารพิษและโลหะหนัก ออกทางปัสสาวะได้
ภาพจาก theblogtree.com
  •  การสวนล้างลําไส้ หรือ Colonic Hydrotherapy
    ช่วยล้างเมือกเหนียวที่ตกค้างในลําไส้ได้ ช่วยทําความสะอาดลําไส้ใหญ่ กําจัดคราบตะกรันของเศษอาหารและของเสีย ที่หมักหมมในลําไส้ใหญ่ รวมถึงชําระล้างแบคทีเรียที่เป็นโทษต่อร่างกาย และสารพิษต่างๆ ช่วยกําจัดพิษออกจากร่างกาย ส่งเสริมการรักษาโรคเรื้อรังต่างๆ อาทิ โรคภูมิแพ้ โรคภูมิคุ้มกันทําลายตนเอง โรคมะเร็ง โรคเกาต์ โรครูมาตอยด์ ฯลฯ
  •  การทานวิตามิน และอาหารเสริม
    เพราะอาหารที่เราทานในแต่ละมื้อ อาจเป็นต้นตอของสารพิษ ดังนั้น การใช้อาหารเสริม ก็เป็นตัวช่วยหนึ่ง ควรเน้นเป็นกลุ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อจะได้ปกป้องเซลล์จากสารพิษได้ด้วย เช่น Astaxanthin, Coenzyme Q10, Vitamin C, Chlorophyll เป็นต้น

…………………………………………………………………

จริงๆ แล้วไม่ใช่ร่างกายไม่เป็นไรนะคะ เพียงแต่การทําลายเซลล์เป็นไปทีละน้อย และแน่นอน เราคงไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน แต่กว่าจะเริ่มรู้สึกตัวว่าไม่แข็งแรง เหนื่อยง่ายขึ้น หรือมีอาการอื่นๆ นั่นแปลว่าร่างกายหรือเซลล์ของเราคงได้รับผลกระทบอย่างมาก เรียกว่ามากเกินจะทนไหวแล้ว เพราะสารพิษนี้อยู่รอบตัว รีบตรวจหา รีบรักษา อย่ารอจนสายเกินแก้..

 

เนื้อหาโดย Dodeden.com

เรื่องน่าสนใจ