Business team celebrating a triumph

เริ่มต้นปีใหม่กันแล้ว เชื่อว่าหลายๆ คนตั้งเป้าหมายให้กับตัวเองว่าปีนี้เราจะทำอะไรให้กับตัวเอง บ้างก็มี To-do-list หรือ Resolution ที่วางเอาไว้ แน่นอนว่าทุกๆ ปีเราก็จะเห็นเพื่อนๆ คนรู้จัก หรือแม้แต่ตัวเราเองนี่แหละที่จะแชร์บรรดาลิสต์เหล่านี้บอกกันว่าปีนี้ชั้นจะต้องทำอะไรให้ได้ แต่เอาจริงๆ แล้วส่วนมากมักจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสียเท่าไร

บางทีเรามีเป้าหมายแล้ว แต่มันไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ หรือไปต่อไม่ถูกว่าต้องทำอย่างไร “คุณ Nuttaputch Wongrenthong” ได้นำเอาหลัก Productivity มาอธิบายเป็น Guideline สำหรับคนมีแผนที่อยากทำให้เป็นจริงได้อย่างน่าสนใจมากเลยทีเดียว ไปเริ่มกันเลยดีกว่า

1. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน (และเป็นสิ่งที่คุณอยากทำจริงๆ)

แน่นอนว่าจุดเริ่มต้นที่ดีย่อมทำให้เราวางแผนต่อได้ง่ายขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดของการตั้งเป้าหมายคือมันต้องเป็นสิ่งที่ “สำคัญ” กับคุณจริงๆ ไม่ใช่ตั้งแค่เพราะอยากให้ดูมีอะไรทำ ข้อคิดข้อหนึ่งที่คนวางแผนชีวิตเก่งๆ มักจะมีอยู่ในใจเสมอคือ “เราไม่มีเวลาสำหรับทำทุกอย่าง แต่เรามีเวลาสำหรับทำสิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอ” นั้นยิ่งถ้าเป้าหมายที่คุณอยากทำเป็นสิ่งที่คุณรู้สึกสำคัญกับมันจริงๆ คุณจะมีความมุ่งมันและแรงส่งจากตัวเองในการตามเป้าหมายนั้นมากขึ้น แต่ถ้าคุณตั้งเป้าหมายไว้เพียงเพราะแค่ “น่าจะทำ” มันก็จะถูกจัดลำดับความสำคัญในลำดับหลังๆ ไปโดยปริยาย ประเภททำก็ดี ไม่ทำก็ไม่ได้เสียหายอะไร และในที่สุดมันก็จะไม่ได้ถูกให้เวลาจากตัวคุณเองนั่นแหละ ด้วยเหตุนี้ ช่วงตั้งเป้าปีใหม่นั้น อย่าไปตั้งอะไรเยอะ เอาแค่ที่คุณอยากทำจริงๆ สำคัญสุดๆ 2-3 อย่างก็พอ แล้วโฟกัสกับมันมากๆ ให้สำเร็จ ถ้าได้มากกว่านี้ก็ถือเป็นกำไร แต่ 2-3 อย่างที่ตั้งไว้คือ “ต้องทำให้ได้” เลยทีเดียว

2. แบ่งเป็นขั้นตอนต่างๆ ให้เยอะและไปถึงได้ “ทีละก้าว”

เวลาเราพูดว่าอ่านหนังสือเล่มหนึ่งนั้น หลายๆ คนจะร้องยี้ขึ้นมาทันทีเพราะมันดูจะเป็นเรื่องไม่ง่ายนักกับการอ่านหนังสือที่มีความหนาประมาณ 200-300 หน้า แต่เอาจริงๆ ถ้าแค่คุณอ่านหนังสือวันละ 10 หน้า เดือนหนึ่งคุณก็สามารถอ่านหนังสือเล่มหนาๆ จบได้แล้ว ด้วยวิธีคิดแบบนี้แหละ มันจึงสำคัญมากที่คุณจะเอาเป้าหมายที่ดู “ใหญ่” ของคุณมาแบ่งให้เป็นชิ้นเล็กๆ เหมือนเกมกระดานจากจุดเริ่มต้นไปถึงเส้นชัย ลองแบ่งระยะทางออกเป็นขั้นตอนต่างๆ ที่คุณเห็นภาพว่าจะต้องทำอะไรก่อนหลัง ยิ่งถ้าแต่ละขั้นห่างกันไม่ได้เยอะและใช้เวลาไม่มากนัก มันจะยิ่งทำให้คุณรู้สึกว่าทุกๆ ก้าวนั้นไม่ได้ยากเกินสำหรับคุณหรอก ลองคิดดูว่าการบอกตัวเองว่าสิ้นปีจะไปวิ่งในอีเวนท์ต่างๆ ให้ได้นั้นคงเป็นเรื่องฟังแล้วขนลุกมากสำหรับคนที่ไม่เคยออกกำลังกาย แต่ถ้าคุณลองแตกออกมาว่าในเดือนแรก คุณลองเริ่มวิ่งวันละ 1 กิโลเมตร อาทิตย์ละ 2-3 วัน จากนั้นเดือนที่สองก็ค่อยๆ ขยับไปเรื่อยๆ เผลอๆ สิ้นปีคุณจะสามารถวิ่งได้ไกลเอามากๆ ด้วย

3. โฟกัสแค่ “ทีละก้าว” และทำโดยเร็วที่สุด

เรื่องนี้จะสอดคล้องกับข้อที่แล้วนั่นแหละครับ คือยิ่งถ้าคุณแบ่งแต่ละขั้นๆ ให้ดูจับต้องและสามารถก้าวไปข้างหน้าได้ไม่ยากเกินไปนั้น สิ่งที่ตามมาคืออย่าเพิ่งไปสนใจปลายทางในวันนี้ แต่โฟกัสเฉพาะกับสิ่งที่คุณจะต้องไปให้ถึงในขั้นถัดไป คนเก่งๆ เวลาวางแผนนั้นมักจะวางเป็นแผนรายเดือน แผนรายสัปดาห์ หรือบางคนอาจจะไปถึงขนาดแผนรายวันเพื่อทำให้เขาสามารถโฟกัสทีละชิ้นๆ และทำมันอย่างเต็มที่ในแต่ละวัน พอทำไปเรื่อยๆ และสะสมไประหว่างทาง ในไม่ช้าก็เร็วมันจะสามารถไปถึงจุดหมายได้นั่นเอง เรื่องนี้ผมก็ทำกับตัวเองง่ายๆ คือการตั้งเป้าว่าจะเขียนบล็อกวันละบล็อก และอ่านหนังสืออาทิตย์ละเล่ม ทำอย่างต่อเนื่องมาหลายปี จนตอนนี้บล็อกผมก็มีคนเข้ามาอ่านมากมาย เช่นเดียวกับหนังสือที่ผมอ่านไปเฉียดๆ ร้อยเล่มแล้ว

4. อย่าลืมให้รางวัลกับตัวเอง

อีกหนึ่งเทคนิคที่มักจะทำให้กับตัวเอง คือพอเวลาถึงจุดๆ หนึ่งระหว่างทางที่แม้อาจจะไม่ถึงเป้าหมาย แต่ถือว่าเป็น Achievement ใหญ่ ก็ควรจะให้รางวัลบางอย่างกับตัวเองบ้าง เพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีและภูมิใจกับการก้าวไปข้างอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าการให้รางวัลถือเป็นแรงจูงใจอย่างดี ลองวางแผนเป็นเงื่อนไขให้กับตัวเองดูก็ได้ครับ เช่น ถ้าชั้นลดน้ำหนักได้ 1 กิโล ชั้นจะ……… หรือ ถ้าชั้นอ่านหนังสือจบทุกๆ 1 เล่ม ชั้นจะ………. สิ่งเหล่านี้คือเทคนิคในการสร้างพฤติกรรมใหม่ๆ ให้กับคุณโดยไม่รู้ตัว

5. รีบทำให้เกิดเป็น “นิสัย” ใหม่

สิ่งหนึ่งที่คนจำนวนมากทำตามเป้าหมายปีใหม่ไม่ค่อยจะได้ เพราะสิ่งที่ตั้งนั้นส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องใหม่ ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่พอสมควร ซึ่งพอเป็นแบบนี้แล้วมันจึงมักเจอวิถีชีวิตประจำวันของเราค่อยๆ ดึงความสนใจและทำให้เลิกทำเมื่อเราเริ่มรู้สึกเหนื่อย ท้อ หรือเราขึ้เกียจขึ้นมา ฉะนั้นถ้าคุณอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองจริงๆ ต้องทำให้มันไม่ใช่เป็นแค่กิจกรรมใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นมาให้น่าตื่นเต้น (และหายตื่นเต้นในไม่ช้า) แต่ต้องทำให้เป็นนิสัยของคุณโดยเร็วที่สุด ซึ่งการทำเป็นนิสัยนั้นก็เริ่มได้จากการพยายามทำทุกๆ วัน เป็นประจำ แรกๆ อาจจะต้องบังคับตัวเองบ้าง แต่พอเรื่อยๆ แล้วมันก็จะกลายเป็นเรื่องคุ้นชินและทำอย่างต่อเนื่องโดยธรรมชาติในที่สุด

หลัก 5 ข้อนี้ เป็นเหมือนพื้นฐานของการทำให้เป้าหมายของคุณเป็นจริงขึ้นมาได้โดยอิงหลักของการทำงานให้เกิด Productivity นั่นแหละครับ ท้ายที่สุดแล้ว เป้าหมายของปีใหม่นี้นั้น ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องรอให้ทำเสร็จเมื่อสิ้นปี แต่คุณควรจะรีบทำให้มันสำเร็จโดยเร็วที่สุดต่างหาก อย่ารอหรือผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ เพราะไม่อย่างนั้นปีหน้าคุณก็จะเอาเป้าหมายปีนี้มาตั้งใหม่วนไปวนมาอีกเรื่อยๆ นั่นแหละครับ

ขอบคุณ nuttaputch

เรื่องน่าสนใจ