เสี่ยงต่อการเป็นโรคนิ่ว
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ามันมีความสัมพันธ์กันอย่างยิ่ง เนื่องจากการที่เราไม่ได้ทานอาหารนานกว่า 14 ชั่วโมง จะส่งผลให้คลอเรสเตอรอลภายในถุงน้ำดีจับตัวกันเป็นเวลานานเกินไป ยิ่งหากปล่อยให้เป็นนานเข้ามันก็จะกลายเป็นก้อนเนื้อที่เราเรียกว่า นิ่วนั่นเอง แต่หากเรากินอาหารเช้ามันจะเข้าไปกระตุ้นให้ตับได้ปล่อยน้ำดีออกมา น้ำดีส่วนนั้นก็จะทำหน้าที่ละลายคลอเรสเตอรอลที่จับตัวกันให้จางหายไป โอกาสในการเกิดเป็นโรคนิ่วก็จะลดลงค่ะ
ร่างกายขาดสารอาหาร
ผู้ที่อดอาหารมื้อเช้าเป็นประจำจะทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง เนื่องจากขาดสารอาหารหรือได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทั้งยังทำให้เด็กๆ ประสบกับปัญหาร่างกายที่เจริญเติบโตไปตามเกณฑ์ได้แบบไม่เต็มที่อีกด้วย
เสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนสูง
ผู้ที่ไม่ทานอาหารเช้ามักมีโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคอ้วนสูงกว่าคนที่ทานอาหารเช้าเป็นประจำ เนื่องจากมันจะทำลายระบบเผาผลาญให้ทำงานช้าลง ระดับน้ำตาลในเลือดก็ลดต่ำลง ส่งผลให้ร่างกายมีความรู้สึกหิวอยู่ตลอดเวลา หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้บ่อยเข้าก็จะทำให้เราเผลอทานอาหารหนักมากขึ้นในมื้อต่อไปแบบไม่รู้ตัว
เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานเพิ่มขึ้น
คนที่ทานอาหารเช้าจะมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน อันส่งผลให้เกิดเป็นโรคเบาหวานลดลงถึงร้อยละ 35-50 แต่หากใครไม่ทานอาหารเช้าก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานได้มากยิ่งขึ้น
เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ
ในตอนเช้าระดับเลือดภายในร่างกายคนเราจะมีความเข้มข้นสูง ยิ่งหากเราไม่ได้ทานอาหารเช้า เลือดที่จะถูกส่งไปเลี้ยงสมองและหัวใจก็จะทำงานช้าลงและหนืดเหนียวยิ่งขึ้น อาจทำให้เส้นเลือดอุดตันได้ ส่งผลให้เป็นโรคเส้นเลือดและโรคหัวใจได้ง่ายๆ นั่นเอง แต่หากทานอาหารเช้ามันจะช่วยให้ระดับความเข้มข้นของเลือดเจือจางลงได้ค่ะ
ขอบคุณที่มา sanook.com