ถึงแบรนด์เครื่องสำอางที่คุณใช้จะดี และแพงเว่อร์สักแค่ไหน แต่หากคุณไม่ดูแลก็อาจทำให้เกิดการสะสมของแบคทีเรีย และสิ่งสกปรกมากมาย จนทำให้หน้าคุณเห่อไปด้วยสิว และผดผื่นได้ ยิ่งถ้าเครื่องสำอางบางตัวไม่ได้หยิบมาใช้นาน มันก็พลอยให้ประสิทธิภาพการใช้งานลดลง และเสี่ยงหมดอายุไปด้วยเช่นกัน … มันจะดีแค่ไหน ถ้าคุณมีทริกง่ายๆ ที่ไม่ต้องจำใจทิ้งเมคอัพอันเป็นที่รักไป แถมช่วยยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้นแบบประหยัดงบสุดๆ !
1. ล้างมือ และนิ้วมือให้สะอาด
ทุกครั้งก่อนการแต่งหน้า ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง, ลงครีมบำรุงผิวหน้า, หรือหยิบจับอุปกรณ์แต่งหน้าใดๆ อย่างพัฟฟ์ และแปรงแต่งหน้า คุณควรล้างมือ และนิ้วมือให้สะอาดเสียก่อน เพื่อป้องกันเชื้อโรค แบคทีเรียต่างๆ สะสมที่คุณสัมผัสมา
เพราะหากคุณไม่ทำความสะอาด แล้วไปสัมผัสกับเครื่องสำอาง รองพื้นต่างๆ หรือครีมบำรุงต่างๆ ที่คุณต้องทาก่อนลงเมคอัพ โดยเฉพาะเวลาคุณใช้นิ้วมือลงไปจ้วงครีมในกระปุก สิ่งสกปรกเหล่านั้นก็จะพลอยติดลงในกระปุกไปด้วย ทำให้เกิดสิ่งสกปรก และแบคทีเรียภายใน จนกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคไปโดยปริยาย
อีกทั้งสิ่งสกปรกเหล่านี้ยังลดอายุการใช้งานของเครื่องสำอาง และครีมต่างๆ ทำให้มีประสิทธิภาพน้อยลง เนื่องจากเชื้อโรค-แบคทีเรียภายนอกเข้าไปสะสมแทนที่ ฉะนั้นแล้วเพื่อใบหน้าที่ใสกิ๊ง และเซฟเครื่องสำอางใช้ได้นานมากขึ้น ก็อย่าลืมที่จะล้างมือเป็นประจำจนเป็นนิสัย !
2. เก็บอยู่ในอุณหภูมิความเย็น (พอเหมาะ)
หากคุณอยากยืดอายุการใช้งานของเครื่องสำอาง และครีมบำรุงต่างๆ ให้อยู่ได้นาน การเก็บไว้ในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิ ‘ความเย็นคงที่’ ก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ไม่เลว เพราะความเย็นจะช่วยยืดหยุ่นการใช้งาน รักษาสภาพ และประสิทธิภาพของเครื่องสำอางไว้ได้ดี ไม่ว่าจะเป็นลิปสติก รองพื้น ครีมทาผิวหน้าต่างๆ เราแนะนำให้คุณแช่ไว้ในช่องแช่ไข่ไก่ หรือในแถบ/ระนาบเดียวกับที่คุณแช่ไข่ไก่ มันจะเป็นความเย็นที่อยู่ในระดับเหมาะสมสำหรับการเก็บรักษาเครื่องสำอางพอดี ซึ่งหากคุณเก็บเครื่องสำอาง และครีมต่างๆ ในอุณหภูมิที่ร้อน หรือชื้นจัด นั่นอาจส่งผลให้เครื่องสำอางหลอมละลายไปกับความร้อน (โดยเฉพาะลิปสติกสีโปรดของคุณ) และความชื้นจะเป็นตัวนำพาให้เกิดการสะสมแบคทีเรีย (ที่เติบโตในความชื้นได้ดี) ในเครื่องสำอางเพิ่มมากขึ้น
3. เช็กอุปกรณ์แต่งหน้า … ไม่ควรกินเวลานานเกินไป
ยิ่งเฉพาะพัฟฟ์ ฟองน้ำแต่งหน้า และแปรงแต่งหน้า แหล่งสะสมสิ่งสกปรก และเชื้อโรคมากที่สุด ! หากคุณเป็นคนที่แต่งหน้าทุกวันโดยใช้อุปกรณ์ช่วยพวกนี้แล้ว นอกจากคุณจะต้องเรียนรู้วิธีการทำความสะอาดให้ถูกต้องในแต่ละประเภท และทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง คุณยังต้องคอยหมั่นสังเกตด้วยว่า อุปกรณ์เหล่านี้กินเครื่องสำอางไปมากเท่าไร เพราะยิ่งคุณใช้ไปนานวัน มันก็จะยิ่งสึกหรอ และเสื่อมสภาพการใช้ลง (โดยเฉพาะแบบฟองน้ำ และพัฟฟ์) ทำให้การแต่งหน้ารองพื้นไม่เรียบเนียนอย่างที่เคย
ถ้าอุปกรณ์เหล่านี้ไม่แพงเกินไปนัก จะดีกว่าไหมหากคุณซื้อเปลี่ยนใหม่เดือนละครั้ง เพื่อประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีกว่า ที่มีเนื้อละเอียด-แน่นกว่า และกินรองพื้นน้อยกว่า แถมที่สำคัญยังช่วยป้องกันสิว และผดผื่นจากสิ่งสกปรกสะสมบนอุปกรณ์แต่งหน้า (ถึงจะล้างทำความสะอาด ก็ใช่ว่าจะสะอาด 100%) … เราไม่แนะนำให้คุณใช้อุปกรณ์แต่งหน้าใดๆ นานเกินไป โดยที่ไม่เปลี่ยนหรอกนะ
4. ไม่อัดสูบด้ามแปรงมาสคาร่า
เพื่อให้มาสคาร่าของคุณใช้ได้นานขึ้นกว่าเดิม คุณควรเลิกอัดสูบด้ามแปรงมาสคาร่าตอนคุณใช้ คุณอาจคิดว่าการอัดสูบจะทำให้เนื้อมาสคาร่าติดขึ้นมามากขึ้น ช่วยเพิ่มความหนาแน่น และความงอนให้ขนตาได้ แต่คุณรู้ไหมว่า จริงๆ มันเป็นการอัดอากาศจากภายนอกเข้าไปในหลอด ทำให้มาสคาร่าของคุณแห้งก่อนใช้งานหมดแท่งซะมากกว่า บางคนซื้อมาสคาร่ามาได้ไม่ถึงเดือน แต่เนื้อมาสคาร่ากลับแห้งเร็ว และปัดไม่ติดขนตา นั่นอาจเพราะคุณอัดสูบมันมากเกินไป (คุณเคยสังเกตไหมล่ะ …?) ฉะนั้นแล้ว หากคุณอยากให้มาสคาร่าใช้งานได้นานขึ้น ก็หยุดความคิด และพฤติกรรมการอัดสูบแบบผิดๆ ไปได้เลย ไม่งั้นมีหวังคุณได้เปลี่ยนมาสคาร่าทุกเดือนแน่ ทั้งที่ความจริงมันสามารถใช้ได้มากสุดถึง 3 เดือน !
ป.ล. อัดสูบมันแค่ครั้งเดียวก็พอ และระวังอย่าให้มาสคาร่าโดนอากาศข้างนอกมากเกินไป …
5. หลอมลิปสติกหักมาใช้ใหม่
ถ้าคุณกำลังทาลิปสติกสีโปรด แล้วจู่ๆ มันเกิดหักซะงั้น จะโยนทิ้งไปทั้งแท่งก็กระไรอยู่ ทั้งเสียดาย แถมลิปสติกที่เหลือยังคงใช้งานได้ เราแนะให้คุณซ่อมลิปสติกที่หักโดยนำมาหลอมด้วยความร้อน ซึ่งคุณอาจเอาส่วนที่หักวางไว้บนช้อน (หลอมบนช้อน) ให้ละลายเป็นน้ำ แล้วเทลงบนภาชนะ หรือในพาเลทที่เตรียมไว้ ทิ้งไว้จนเย็น ที่นี้คุณก็สามารถนำลิปสติกกลับมาใช้ได้อีกครั้งแล้วล่ะ ไม่ต้องเสียดายส่วนที่หักจนทำใจทิ้งอีกแล้วว …
6. เติมน้ำยา … เสกยาทาเล็บขวดเก่า
หากคุณอยากกลับมาทาเล็บหลังจากที่ไม่ได้ทามานาน แต่ติดตรงยาทาเล็บของคุณดันแข็งแห้งหมดสภาพอยู่ในขวด แทนที่คุณจะนำมันไปทิ้งแล้วซื้อขวดไหม จะดีกว่าไหมหากคุณเนรมิตมันกลับมาใช้ได้อีกครั้งแบบประหยัดงบ โดยใช้ ‘น้ำยาล้างเล็บ’ นี่แหละเป็นตัวช่วย เพียงคุณค่อยๆ หยดน้ำยาล้างเล็บลงไปในขวดยาทาเล็บทีละหยด แล้วเขย่าเบาๆ ให้เข้ากัน (กะตามปริมาณของยาทาเล็บที่มีอยู่) ‘สารอะซิโตน’ ในน้ำยาล้างเล็บจะเป็นตัวทำละลายสารอินทรีย์ ให้เนื้อสียาทาเล็บกลับมาเหลวข้นใช้งานได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม คุณอย่าเทลงหมดรวดเดียว เพราะนั่นจะทำให้ยาทาเล็บเหลวจางแทน ไม่มีสีเข้มอย่างที่ควร และไม่ยึดเกาะผิวเล็บแบบสุดๆ … จากที่มันจะช่วยให้เล็บคุณดูสวย มีสีสันอย่างที่ควรเป็น กลับทำให้สีจาง-ไม่ติดเล็บ ไร้เสน่ห์ไปเลยทีเดียวล่ะ
ที่มา : becomegorgeous.com