7 สิ่งควรรู้เกี่ยวกับ ‘เซล์ฟฟี่’ เทรนด์มาแรงในโลกดิจิตอลทั่วโลก
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า สำหรับพ.ศ.นี้ว่าเรากำลังอยู่ในยุคที่ว่า ‘ถ้าเราไม่ได้โพสท์ ก็เปรียบเสมือนเหตุการณ์นั้นไม่เคยเกิดขึ้น’ ตอบ รับกับกระแสทั่วโลกที่ไอดอลชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น ดารานักร้องอย่าง Rihanna, Justin Bieber จนไปถึง Madonna และ Lady Gaga นางแบบที่กำลังดังอย่าง Alexa Chung และ Miranda Kerr หรือแม้กระทั่งบุคคลมีชื่อเสียง อย่าง Hilary Clinton และ Kim Kardashian ต่างหันมาโพสต์รูป ‘เซล์ฟฟี่’ กันจนเป็นกระแสมาแรงผ่านแพลตฟอร์มดิจิตอลทั่วโลก
1. อะไรคือ ‘เซล์ฟฟี่’ (What is ‘selfie’?)
คำว่า เซล์ฟฟี่ ได้ถูกนิยามขึ้นมาใหม่ในปี 2555 หมายถึง การถ่ายรูปตัวเองด้วยตัวเอง ผ่านสมาร์ทโฟนจุดประสงค์เพื่อการโพสต์และแชร์ผ่านโซเชียลมีเดียอย่าง Instagram และ Facebook โดยมากมักจะเห็นแขนของคนถ่ายในรูปด้วย ส่วนอริยาบทก็จะต่างๆกันไป ที่อ้างถึงกันมากที่สุดคือการทำปากเซ็กส์ซี่ ถือเป็นกระแสที่เกิดขึ้นมาต่อเนื่องจากการบูมของโซเชียลเน็ทเวิร์คและแอ็พ แต่งรูป หัวใจหลักของเซล์ฟฟี่จริงๆแล้วคือการถ่ายรูปตัวเองในช่วงเวลาที่รู้สึกดีกับ ตัวเอง
2. ก้าวหนึ่งของวัฒนธรรมในโลกดิจิตอล (Cultural Touchstone)
ด้วยความเคยชินและสบายใจที่ผู้คนมีกับ สังคมดิจิตอลและความเป็น ’โซเชียล’ ทำให้เราเปิดรับกระแสใหม่ๆในการแสดงออกความเป็นตนเองได้ในทุกๆที่ทุกๆขณะ ผู้คนมีความต้องการเป็นจุดกลางของความสนใจ อยากได้ยินการตอบรับเชิงบวกจากโลกออนไลน์ผ่านจำนวนไลค์และคอมเม้นต์ ไม่ใช่เพียงแต่วัยรุ่นที่อินกับกระแสนี้ วัยเลยทีนหลายๆคนก็หันมานิยมการเซลฟ์ฟี่เช่นกัน เข้าสู่ก้าวหนึ่งของวัฒนธรรมที่ ‘ใครๆก็ทำ’
3. อิมเมจตัวตนตามจินตนาการ (Identity Imagery)
เหตุหนึ่งของความมาแรงของกระแสนี้ คือ การที่ผู้โพสท์สามารถควบคุมคอนเท้นต์ภาพลักษณ์ของตนเองอย่างเต็มตัว โพสท์รูปที่ชอบ ลบรูปที่ไม่ต้องการ แต่งให้สวยผ่านฟิลเตอร์ ถือเป็นแพล็ตฟอร์มที่ให้อิสระ ในการแสดงออกถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการและมุมมองที่อยากให้โลกเห็นเราอย่างที่ เราอยากให้เป็น ถือเป็นเรื่องของจินตนาการความเป็นตัวเองผ่านสื่อดิจิตอล ปลดปล่อยตัวเองจากความเป็นจริงในชีวิตจริง
4. ตัวตนออนไลน์คูลกว่าชีวิตจริง(Self-Made Fame)
โดยเฉพาะในสังคมกลุ่มเจนวาย คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ตัวตนออนไลน์กำลังมีบทบาทแทนที่ชีวิตจริง ทั่วโลกแล้วภาพเซล์ฟฟี่ส่วนใหญ่แสดงออกความเป็นตัวตนที่บ่งบอกถึง ความดูดี ความเซ็กส์ซี่ ความตลก ความเก๋ และที่สำคัญที่สุด คือ ‘ความดัง’ ของตน เป็นเรื่องของแฟนตาซีภาพลักษณ์ภายนอกที่ใครๆก็อยากจะเป็น เช่น ดูเป็นเซเลป อยู่ในไนท์ไลฟ์ มีแฟชั่นไฮเอนด์อย่าง กระเป๋า Birkin หรือ รองเท้า Louboutin เป็นต้น ซึ่งในมุมมองในแง่จิตวิทยานั้น ให้ความสนใจเกี่ยวกับการลุ่มหลงตนเองในโลกออนไลน์ (Digital Narcissism) ที่บางทีขัดแย้งกับสิ่งที่ตัวเองเป็นจริง
5. ความสมบูรณ์แบบในความไม่สมบูรณ์แบบ (Perfectly Imperfect)
ในทางบวก หลายๆสื่อเห็นว่าการที่เซเลปหันมาโพสท์เซล์ฟี่ชีวิตจริง ภาพเบื้องหลัง หน้าก่อนและหลังเมคอัพ ไลฟ์สไตล์วันธรรมดาของตนต่างๆนั้น เป็นการเปิดความเป็นจริงให้คนทั่วไปเข้าถึงความเป็นส่วนตัว ความเป็นตัวตนที่จริงและไม่สมบูรณ์แบบมากกว่ามิติที่เห็นผ่านหน้าจอที่ผ่าน การรีทัช
6. เซล์ฟฟี่แต่พอดี (Selfie Antidote)
ก่อนอื่นคงต้องบอกก่อนว่า รูปแบบการใช้ชีวิตของคนแต่ละเจนเนอเรชั่นนั้นมีเอกลักษณ์ของตนเอง ที่เกิดจากสภาวะแวดล้อมไม่เหมือนกัน จึงไม่อยากให้มองว่ากระแสเซล์ฟฟี่ของคนยุคนี้ เป็นการใช้ชีวิตที่แย่กว่ายุคก่อนหากแต่เป็นการใช้ชีวิตที่แตกต่างมากกว่า กระแสใหม่ๆที่เกิดขึ้นเมื่อการโพสต์แต่รูปตัวเองซ้ำๆเริ่มกลายเป็นเรื่อง ธรรมดาและกำลังจะน่าเบื่อ เมื่อใครๆก็ทำมากขึ้นทุกวันกลุ่มเทรนด์เซ็ตเตอร์จึงต่างหันมาหาวิธีใหม่ๆใน การแสดงออกความเป็นตัวตนที่แท้จริง หันมาโพสท์ สิ่งที่ตัวเองทำได้ดี สิ่งที่สร้างประสพการณ์ สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตน ความรู้สึกนึกคิด ความเป็นธรรมชาติไม่แอ็ค เน้นความหมายและสาระมากกว่าความเป็นภาพสแน็ปช็อทแต่เรื่องภายนอกเพียงอย่าง เดียว
7. กฎไม่ตายตัวของเซล์ฟฟี่ในอินสตาแกรม (Instaquette)
จากกระแส Slow Food สู่ Slow Photography ที่เน้นการคิดก่อนถ่ายก่อนโพสต์ โดยรวมแล้วหลักการคือเข้าใจความแตกต่างของแต่ละแพลตฟอร์มโซเชียลเน็ทเวิร์ค อย่างในอินสตาแกรมแล้ว เป็นแพลตฟอร์มเน้นการถ่ายรูปเล่าเรื่องราวและสถานการณ์ที่มีความหมาย ข้อปฏิบัติจึงอิงสเน่ห์ความเรียลไทม์จากความเป็นกล้องมือถือมากกว่ากล้อง DSLR ใช้แฮชแทกอย่างพอดีและเกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่โพสต์ ไม่ท่วมท้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไปหรือโพสต์แต่รูปเดิมๆซ้ำๆ ไม่แชร์ทุกขณะจิต มีความเห็นอกเห็นใจคนที่ต้องเห็นภาพที่เราโพสต์ เปิดรับสิ่งใหม่ เรื่องใหม่ คนใหม่ มุมมองใหม่ ในคอมมิวนิตี้ และการยอมรับความไม่เป็นส่วนตัวหลังจากโพสต์อะไรไปแล้วต้องยอมรับผลตอบรับ ได้ หรือในยุคนี้จะเรียกว่าเป็นการ ‘Post Responsibly’ ก็ได้นะคะ
ขอบคุณที่มา www.brandbuffet.in.th
ภาพประกอบจาก อินเตอร์เนต