เคยมั้ย? อยากไปเที่ยวในที่ที่เขาไม่ได้พูดภาษาเดียวกันกับเรา แม้กระทั่ง ‘ไม่พูดภาษาอังกฤษ’ เลย เช่น จีน ญี่ปุ่น เนปาล หรือประเทศในแถบยุโรปบางประเทศ ด้วยความที่เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ ทำให้หลายคนก็ยังอยากจะไปเที่ยวอยู่ดี แต่ก็กลัวเรื่องการสื่อสารใช่ไหมล่ะ? ไม่ต้องกังวลไป เพราะเรามีทริกเด็ดๆ มาช่วยชีวิตคุณ
วันนี้ เรามีทริกเด็ดๆ 7 วิธีเอาตัวรอดในการสื่อสาร เวลาคุณไปเที่ยวเมืองนอก ในกรณีเป็นประเทศที่เขาไม่ค่อยใช้ภาษาอังกฤษกัน หรือภาษาอังกฤษของคุณไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไร เพื่อที่จะได้เป็นตัวช่วยเวลาถามเส้นทาง ถามร้านอาหาร หรือโรงแรม เป็นต้น โดยเฉพาะคนที่ชอบไปเที่ยวแบบแบ็กแพ็กรับรองว่ามีประโยชน์ และอาจได้ใช้ยามคับขันแน่นอน
1. เช็กโรงแรมให้ชัวร์ และขอนามบัตรทุกครั้ง
ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้บริการการจองโรงแรมจาก บุ๊กกิ้งดอทคอม หรือ อะโกด้า หรืออะไรก็ตามแต่ เมื่อได้โรงแรมในราคาที่พอใจแล้ว ก็อย่าลืมเช็กด้วยล่ะ ว่าพนักงานเขาสื่อสาร ภาษาอังกฤษ ได้หรือเปล่า อาจจะสอบถามจากคอลเซ็นเตอร์ของเว็บที่ให้บริการก่อนก็ได้ เพื่อความชัวร์ และจะได้มั่นใจว่าอย่างน้อย เวลามีปัญหาอะไรระหว่างท่องเที่ยว ก็มีพนักงานของโรงแรมคอยช่วยเหลือได้
เลือกจองโรงแรมที่พนักงานท้องถิ่นพูดอังกฤษได้
นอกจากนี้ เมื่อเช็กอินเข้าพักโรงแรมนั้นๆ แล้ว ก็ต้องขอนามบัตรโรงแรมด้วยทุกครั้ง เอาติดตัวไปด้วยเวลาคุณออกไปเที่ยว ถ้าเกิดหลงทางขึ้นมา อย่างน้อยก็เรียกแท็กซี่ให้พาไปส่งโรงแรมตามที่อยู่ในนามบัตรนั้นได้ สะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องมานั่งอธิบายกับพี่แท็กซี่ให้ยืดยาว
2. อย่าลืมแผนที่และดิกชันนารี
เวลาออกไปเที่ยว สิ่งสำคัญที่ห้ามลืมเด็ดขาด (นอกจากพาสปอร์ต) ก็คือ แผนที่และดิกชันนารี เวลาอยากไปเที่ยวจุดไหน หรืออยากไปร้านอาหารที่คุณปักหมุดไว้ ถ้าเดินหาเองแล้วหาไม่เจอ ก็ให้หยิบแผนที่ออกมา แล้วสอบถามเอาจากคนท้องถิ่นก็ได้ ช่วยให้คุณไปถึงจุดหมายได้เร็วขึ้น และไม่เสียเวลา ถ้าพูดกันไม่เข้าใจ ก็เปิดดิกชันนารีของภาษานั้นๆ (แน่นอนว่าไม่ใช่ภาษาอังกฤษนะ) ถามเขาไปเลย อาจจะยุ่งยากไปนิด แต่รับรองว่าได้ข้อมูลที่ชัวร์แน่ๆ เพราะอย่างน้อย การเปิดคำศัพท์ก็ช่วยแปลความหมายได้ตรงตัวเป๊ะๆ
พกแผนที่ติดตัวทุกครั้ง
3. ใช้ภาษาภาพ
ในกรณีที่คุณไม่มีดิกชันนารี อีกวิธีหนึ่งซึ่งช่วยได้ดีคือ การใช้ภาษาภาพมาสื่อสารกับคนท้องถิ่น โดยเฉพาะใครที่วาดภาพพอได้ นี่เป็นอีกวิธีที่คลาสสิกที่สุด และง่ายที่สุด เนื่องจากภาษาภาพเป็นภาษาสากล มนุษย์ทุกคนล้วนเข้าใจ เช่น ถ้าเข้าไปที่ร้านอาหาร แล้วอยากสั่งเมนูปลา ก็ลองหยิบกระดาษมาวาดรูปปลาให้เขาดูไปเลย ง่ายและรวดเร็วกว่าการเปิดดิกชันนารีเสียอีก
4. ใช้ภาษากาย (ภาษามือ)
ถ้าใครวาดรูปก็ไม่เก่งอีก ต้องมาดูข้อนี้เลย นั่นคือ ใช้ภาษามือ หรือภาษากายมาช่วย เวลาถามทางจากคนท้องถิ่นโดยใช้ภาษากายนั้น ให้คุณลองนึกถึงรายการเกมโชว์พวกใบ้คำ แล้วทำตามแบบนั้นเลย เช่น กำลังหาทางกลับโรงแรมอยู่ อาจจะทำท่าหลับ แล้วยื่นแผนที่หรือนามบัตรโรงแรมให้เขาดูประกอบ หรือถ้าจะไปร้านอาหารก็ทำท่ากำลังกินข้าว หรือถ้าจะไปสนามบินก็ทำท่าเครื่องบิน มันอาจจะดูทุลักทุเลไปบ้าง แต่เชื่อเถอะว่ามีคนเอาตัวรอดในต่างแดนด้วยวิธีนี้มาแล้ว
5. ใช้กล้องให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สำหรับนักเดินทางที่ชื่นชอบการถ่ายรูป และมักพกกล้องไปเที่ยวด้วย ดีเลย เพราะกล้องของคุณมีประโยชน์มากกว่าถ่ายรูปสถานที่ท่องเที่ยว เพราะมันสามารถช่วยมาร์กจุดสำคัญๆ เวลาเดินทางได้ เช่น ถ้าเจอป้ายโฆษณา ป้ายเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ป้ายชื่อถนน ฯลฯ ก็ถ่ายเก็บไว้เลย เวลาเดินย้อนกลับมาจะได้ไม่หลงทาง ไปกลับเองได้ชิลชิล ไม่ต้องเสียเวลาถามทางจากใครด้วย เจ๋งไหมล่ะ?
ใช้กล้องให้เกิดประโยชน์ และพูดคุยกับคนท้องถิ่นอย่างเป็นมิตร
หรือเวลาอยากไปเที่ยวในสถานที่สำคัญๆ ของเมือง ก็ถ่ายชื่อสถานที่แห่งนั้นเก็บไว้เลย (อาจจะถ่ายจากเว็บไซต์หรือจากแผ่นโบรชัวร์) เวลาถามทางจากคนท้องถิ่น ส่วนใหญ่เราก็มักจะออกเสียงไม่ถูก คนถูกถามก็งง เพราะไม่เข้าใจ ก็ยื่นรูปที่ถ่ายชื่อสถานที่ให้เขาดูเลย ง่ายดี
6. ใช้เทคโนโลยีมาช่วย
นอกจากการใช้ภาษาภาพ ภาษามือ และกล้องแล้ว เชื่อว่าคุณจะต้องมีสมาร์ทโฟนแน่นอน จงโหลดแอพสำคัญๆ ที่จะช่วยชีวิตคุณได้ ไว้ให้พร้อมก่อนออกเดินทางเสมอ เช่น พวกโปรแกรมแปลประโยค โปรแกรมที่มีเสียงพูด หรือแผนที่แบบต่างๆ อ้อ แล้วก็อย่าลืมพกแบตเตอรี่สำรองด้วยล่ะ
7. อย่ากลัว ยิ้มแย้มกับผู้คนเสมอ
มาปิดท้ายกันที่ข้อนี้เลย เวลาที่ไปเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเอง เชื่อว่าทุกคนต้องมีโมเมนต์แบบว่า กล้าๆ กลัวๆ ลนลาน วิตกกังวล แต่ยิ่งคุณแสดงอาการเหล่านี้มากเท่าไร ยิ่งจะทำให้พวกมิชฉาชีพเข้าหาคุณได้ง่ายขึ้น เพราะพวกเขาจะรู้ว่าคุณเป็นคนแปลกถิ่น อาจจะเกิดอันตรายกับคุณได้
เที่ยวแบ็กแพ็กต่างประเทศได้ราบรื่น
ดังนั้น เวลาออกไปเที่ยว (โดยเฉพาะถ้าแบ็กแพ็กไปคนเดียว) ให้ไปเฉพาะตอนกลางวัน เวลาเดินไปไหนมาไหนให้มั่นใจและยิ้มแย้มเข้าไว้ อย่าไปกลัว เวลาจะถามทางก็เข้าไปหาคนท้องถิ่นด้วยท่าทีเป็นมิตร และใช้วิธีถามทางทุกข้อที่บอกไว้ข้างต้น โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวเอง ไม่ว่าคุณจะมาจากชาติไหน คนท้องถิ่นเขาก็มักจะยินดีช่วยเหลือเสมอแหละ ไม่ต้องกังวล เพียงแต่ต้องใจเย็นๆ และค่อยๆ ถาม เท่านั้นเอง รับรองว่าทริปของคุณราบรื่นแน่นอน
