ใครที่หลงใหลในธรรมชาติ อากาศที่แสนบริสุทธิ์ ท่ามกลางทุ่งนา ดอกไม้ ต้นหญ้า ลำธาร และภูเขา รวมไปถึงวิถีชาวบ้านที่เรียบง่าย วันนี้เราจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในโครงการหลวงต่างๆ ตามรอยพ่อหลวงของแผ่นดินกัน
เรามาเริ่มกันที่ศูนย์พัฒนา โครงการหลวง ห้วยเสี้ยวกันก่อน ที่นี่มีกิจกรรมท่องเที่ยวเพียบ…ไม่ว่าจะเป็น การชมแปลงสาธิตไม้ผลเขตร้อน, แหล่งปลูกมะม่วงหลายชนิด, ชมสวนลิ้นจี่ของชาวบ้านที่ปลูกอยู่รอบๆ ศูนย์, ชมวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวเขาเผ่าม้ง
โดยเฉพาะประเพณีปีใหม่ม้ง ประเพณีสืบชะตาหลวงประจำหมู่บ้าน ซึ่งจัดขึ้นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี และประเพณีตานข้าวใหม่ จัดขึ้นหลังเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จ ช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคมของทุกปี หรือจะเที่ยวทางธรรมชาติชมน้ำตกตาดครก น้ำตกขนาดเล็กที่มีน้ำตลอดปี เป็นแหล่งที่มีปลามุงอาศัยอยู่ ซึ่งนับว่าเป็นปลาหายากของประเทศไทยเลยล่ะ
วิธีการเดินทาง : จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เส้นทาง 108 เชียงใหม่-ฮอด ประมาณ กม.ที่ 10-11 ให้เลี้ยวขวาเข้าทางหลวง 1269 หางดง-สะเมิง ระยะทาง 12 กิโลเมตร จะพบป้ายโครงการห้วยเสี้ยวด้านซ้าย เข้าถนนลูกรังอีก 3.5 กิโลเมตร รวมระยะทาง 29 กิโลเมตร ฤดูฝนการคมนาคมลำบาก
ที่นี่จะมีลักษณะพื้นที่เป็นภูเขาและที่ราบหุบเขามีความลาดชัน ความเขียวขจีปะทะหน้าเข้าเต็มเปาเลยล่ะ รู้สึกเฟรชมากๆ เราสามารถชมแปลงผักชาวเขาอย่างพวก ถั่วแดงหลวง กะหล่ำ ฟักทอง มันฝรั่ง, ชมแปลงผักไม้เมืองหนาว, ชมการทำนาขั้นบันไดของชาวเขาเผ่าละว้า, ชมวิถีชีวิตของชนเผ่ากะเหรี่ยง, ชมพิพิธภัณฑ์บ้านละว้า
ภายในจำลองวิถีชีวิต เครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน และภาพชนเผ่าดั้งเดิมในสมัยพญามังราย, ชมหัตถกรรมชาวเขา เช่น ทอผ้า ตีมีด เครื่องจักสาน เครื่องประดับต่างๆ นอกจากนี้ยังมีเส้นทางชมธรรมชาติบ้านอมพาย เป็นเส้นทางชมพรรณไม้ ดูนก มีจุดชมวิวที่สวยงาม ตามด้วยน้ำตกฮากไม้ใต้ ธารน้ำตกที่มีทิวทัศน์สวยงาม สามารถชมพรรณไม้ป่านานาชนิด หรือชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของแม่น้ำสาละวิน ล่องเรือไปตามลำน้ำเพื่อเที่ยวสบเมยหรือหาดทรายต่างๆ ก็เลิศสุดๆ
วิธีการเดินทาง : จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 108 (สายเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน) มุ่งหน้าอำเภอแม่สะเรียงถึงบริเวณหน้าป้อมตำรวจบ้านกองลอย ให้เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1270 ตรงไป 34 กิโลเมตร จะพบศูนย์พัฒนา โครงการหลวง แม่สะเรียง เส้นทางนี้สามารถใช้รถได้ทุกประเภท
ศูนย์พัฒนา โครงการหลวง ห้วยส้มป่อย อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติรวมทั้งพัฒนาอาชีพ สังคม และสภาพความเป็นอยู่ของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงในพื้นที่
ใครที่ชอบเที่ยวหลากหลายขอแนะนำ เพราะที่นี่มีทั้งการท่องเที่ยวเชิงเกษตร การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น ชมแปลงสาธิตพืชผักต่างๆ, การทำนาขั้นบันไดของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง
หรือจะไปเที่ยวชมอุทยานแห่งชาติออบหลวง เที่ยวน้ำตกแม่เตี๊ยะหรือน้ำตกแม่สะเคอะ แวะจุดชมวิวทิวทัศน์และเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติดอยสองเมีย ที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,500 เมตร ซึ่งเป็นป่าอนุรักษ์ของชาวกะเหรี่ยง ดื่มด่ำธรรมชาติสุดๆ เลยงานนี้
วิธีการเดินทาง : จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 108 (สายเชียงใหม่-ฮอด) ถึงอำเภอจอมทองบริเวณ กม.ที่ 58 เลี้ยวขวาเข้าถนนจอมทอง-น้ำตกแม่เตี๊ยะ (ข้างที่ว่าการอำเภอจอมทอง) เข้าไป 7 กิโลเมตร จะพบแยกขวาไปที่ทำการอุทยานฯ น้ำตกแม่เตี๊ยะ เป็นถนนลูกรังตรงไปจนถึงทางเข้าบ้านห้วยส้มป่อย เส้นทางนี้สามารถใช้รถยนต์ได้ทุกประเภท ยกเว้นฤดูฝนควรใช้รถโฟร์วีลไดรฟ์ (ไม่มีบริการรถยนต์รับจ้าง)
ที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยน้ำขุ่น จริงๆ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการปลูกพืชทดแทนพืชเสพติดและเพิ่มรายได้และยกระดับฐานะความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีขึ้น ใครที่ชอบอยู่แบบ Slow life แนะนำที่นี่ เพราะกิจกรรมของที่ศูนย์นี้จะเน้นธรรมชาติของชาวบ้านจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็น ชมแปลงส่งเสริมผลผลิตตามฤดูกาล, ชมแปลงไม้ผล, ชมวิถีชีวิตชาวอาข่า พิธีโล้ชิงช้า มีการแต่งกายชุดประจำเผ่าที่สวยงาม การละเล่น การฟ้อนรำของชาวอาข่า เช่น รำกระทุ้งกระบอกไม้ไผ่ แต่มาแล้วต้องไม่พลาดจุดชมทัศนียภาพดอยม่อนล้าน และเส้นทางเดินชมธรรมชาติดอยม่อนล้าน เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกช่วงฤดูหนาวที่สวยมาก และน้ำตกห้วยชมพู เป็นน้ำตกชั้นเดียว สูง 80 เมตร มีเส้นทางเดินชมธรรมชาติด้วย บอกเลยว่าเตรียมกล้องด่วน!
วิธีการเดินทาง : จากเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 118 (เชียงใหม่-เชียงราย) ผ่านอำเภอเวียงป่าเป้า ถึงบริเวณหลัก กม.ที่ 110 บ้านแม่ต๋ำ เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 25 กิโลเมตร สภาพเส้นทางเป็นถนนลูกรังค่อนข้างลำบาก ถ้าเป็นช่วงฤดูฝนควรใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ
ด้วยแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเล็งเห็นถึงปัญหาอันเกิดจากการขาดแคลนปัจจัยในการดำรงชีพ และขาดการสนับสนุนในด้านต่างๆ ที่นี่จึงมุ่งเน้นพัฒนาอาชีพทางด้านการเกษตรที่เหมาะสม นำรายได้ที่มั่นคงมาสู่ชุมชนนั่นเอง
โดยศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งหลวงตั้งอยู่ในหุบเขา ทัศนียภาพจึงสวยงามเป็นพิเศษ สวย เคลิ้ม มาก ค่ะ !! เราสามารถชมแปลงสาธิตการผลิตพืชผัก ไม้ดอก ไม้ผลตามฤดูกาล หรือจะไปเที่ยวน้ำตกห้วยกระแสก็สวยมากๆ
ใครที่เป็นสายลุยหน่อยก็ไปเลย “น้ำตกบ้านโป่งสมิต” ที่ต้องเดินเท้าผ่านทุ่งนา เราจะได้ชมวิถีชีวิตของชาวกะเหรี่ยง หรือไปไหว้พระที่วัดพระธาตุศรีสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เสริมบารมีกันหน่อยก็ดี้ดี นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
อย่างเช่น “ปางช้างแม่วิน” ห่างจากศูนย์ประมาณ 15 กิโลเมตร มีกิจกรรมการล่องแพและขี่ช้างตามลำน้ำแม่วาง, “ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่” ห่างจากศูนย์ประมาณ 17 กิโลเมตร เป็นแหล่งที่มีการปลูกต้นนางพญาเสือโคร่ง ซึ่งจะออกดอกช่วงเดือนธันวาคม-มกราคมของทุกปี และ “หน่วยจัดการต้นน้ำแม่สะงะ” อยู่ห่างจากศูนย์ประมาณ 17 กิโลเมตร ใครชอบเดินป่าต้องไปเลยล่ะ
วิธีการเดินทาง : ระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ถึงศูนย์ประมาณ 65 กม. ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที จากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้เส้นทางหมายเลข 108 สายเชียงใหม่-ฮอด ผ่านอำเภอสันป่าตองประมาณ 700 เมตร ให้เลี้ยวขวาไปตำบลบ้านกาด ผ่านอำเภอแม่วางและปางช้างแม่วิน
กระทั่งถึงวัดพระธาตุศรีพุทธิวงศ์ ศูนย์อยู่ห่างไปประมาณ 500 เมตร ระยะทางแยกอำเภอสันป่าตองถึงศูนย์ 48 กิโลเมตร (หมายเหตุ : ใช้รถยนต์ได้ทุกประเภท ถนนลาดยางเดินทางได้ตลอดทั้งปี แต่ไม่ควรบรรทุกสัมภาระจนหนักเกิน เพราะเป็นเส้นทางขึ้นเขาและคดเคี้ยว (ไม่มีบริการรถยนต์รับจ้าง)
สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เป็นสถานีวิจัยแห่งแรกของโครงการหลวง จัดตั้งขึ้นตามพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า “ให้ช่วยเขา ช่วยตัวเอง” มีพระราชประสงค์ให้ชาวไทยภูเขาที่พักอาศัยอยู่ตามดอยต่างๆ ทางภาคเหนือเลิกปลูกฝิ่น และทำไร่เลื่อนลอย เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ป่าไม้ และต้นน้ำลำธารของประเทศถูกทำลาย
จากเดิมที่เป็นดอยหัวโล้นแปรสภาพเป็นขุนเขาแห่งความอุดมสมบูรณ์ ด้วยการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ไม้ผลกว่า 12 ชนิด ผักเมืองหนาวกว่า 60 ชนิด และดอกไม้เมืองหนาวกว่า 20 ชนิด
สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง มีพื้นที่สำหรับวิจัยทดสอบพันธุ์พืชเขตหนาวจำนวน 1,800 ไร่ มีหมู่บ้านชาวเขาบริเวณรอบสถานี สภาพภูมิอากาศเย็นสบายตลอดปีมาตอนไหนก็ฟิน
แลนด์มาร์กต้องโดนคือจุดท่องเที่ยวในสถานีอย่างสวนแปดสิบ สวนกลางแจ้งตรงข้ามสโมสรอ่างขางเป็นสวนตกแต่งสไตล์อังกฤษ มีดอกไม้ ไม้ประดับปลูกหมุนเวียนตลอดทั้งปี แถมด้านบนยังเป็นลานต้นซากุระญี่ปุ่นจะบานช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม และ สวนหอม ที่รวบรวมพรรณไม้ที่มีกลิ่นหอมทั้งในและต่างประเทศ
งานนี้ต้องพกกล้องตลอดทริป นอกเหนือจากที่ว่ามา สถานีเกษตรหลวงอ่างขางยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกเพียบเลย เหมาะกับการมากันเป็นแกงค์สุดๆ
วิธีการเดินทาง : เส้นทางที่ 1 จากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปตามทางหลวงหมายเลข 107 เชียงใหม่-ฝาง ผ่านอำเภอแม่ริม แม่แตง เชียงดาว ไชยปราการ ถึง กม.ที่ 137 เลี้ยวซ้าย สู่ทางหลวงหมายเลข 1249 ขึ้นไปอีก 25 กิโลเมตร จนถึงดอยอ่างขางเส้นทางลาดชันมาก และเส้นทางที่ 2 จากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปตามทางหลวงหมายเลข 107 ถึงแยกเมืองงายเลี้ยวซ้ายสู่ทางหลวงหมายเลข 1178 ผ่านบ้านอรุโณทัย ขึ้นดอยอ่างขาง 45 กิโลเมตร ทั้ง 2 เส้นทางใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง
ใครที่เป็นสาวกกาแฟ สักครั้งในชีวิตต้องมานะคะ มาชมแหล่งผลิตกาแฟอราบิก้าคุณภาพดีของโครงการหลวง ที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติป่าไม้และลำน้ำจากน้ำตก มีโรงไฟฟ้าพลังน้ำโครงการหลวงแห่งแรก และ เที่ยว บ้านแม่กำปอง ชมวิถีชีวิตชาวพื้นเมือง การทำสวนเมี่ยง หมัก-นึ่งเมี่ยงแบบดั้งเดิม และเส้นทางศึกษาธรรมชาติ สวนสมุนไพร เราสามารถติดต่อให้ไกด์ท้องถิ่นนำชมหมู่บ้านได้
นอกจากนี้ยังมีที่พักแบบโฮมสเตย์ที่ได้รับรองมาตรฐานด้วยนะ ที่สำคัญคือมีจุดชมวิวสวยๆ ต้องถ่ายให้ได้ คือ จุดชมวิวดอยม่อนล้าน, จุดชมดอกนางพญาเสือโคร่งบาน และทะเลหมอกช่วงฤดูหนาว สวยจนลืมเวลาไปเลย!
วิธีการเดินทาง : เส้นทางที่ 1 (ทางคดเคี้ยว) จากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 118 ผ่าน อำเภอดอยสะเก็ด กม.ที่ 27 เลี้ยวขวาผ่านบ้านโป่งกุ่ม แม่ตาดิน ถึงแยกห้วยแก้วเลี้ยวขวาไปจนถึงที่ทำการศูนย์ ระยะทาง 43 กิโลเมตร และ เส้นทางที่ 2 จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เส้นทางสายดอนจั่น-อำเภอแม่ออน ผ่านน้ำพุร้อนสันกำแพงไป ถึงแยกห้วยแก้วเลี้ยวขวาไปจนถึงที่ทำการศูนย์ ระยะทาง 55 กิโลเมตร
เป็นอีกศูนย์ที่บรรยากาศชนะขาดจริงๆ อย่างเช่น ดอยม่อนยะ จุดที่สูงที่สุดในพื้นที่ ตลอดทางสู่ยอดดอยเราจะได้สัมผัสกับทิวทัศน์ที่สวยงาม และชมดอกซากุระบาน (นางพญาเสือโคร่ง) ช่วงฤดูหนาวในพื้นที่ศูนย์ และได้ฟินไปกับสวนสตรอเบอร์รี่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยไทยที่บ้านบ่อแก้ว
ใครชอบเดินป่าต้องไปที่หน่วยจัดการต้นน้ำแม่สะงะ อยู่ห่างจากศนย์ประมาณ 7 กิโลเมตร ส่วนมากนักท่องเที่ยวจะกางเต็นท์ซึมซับกับธรรมชาติจากป่าค่ะ นอกจากนี้ยังมี รอยพระบาท ที่คนในชุมชนเชื่อว่าเป็นรอยพระบาทของคนยุคสมัยโบราณ ส่วนใครที่อยากเดินชิลล์ก็แนะนำให้ไปชมแปลงสาธิตการผลิตพืชเมืองหนาว และสาธิตการเพาะกล้าผักเมืองหนาวชนิดต่างๆ และชมแปลงสาธิตการผลิตไม้ผล รับรองต้องฟินแน่ๆ
วิธีการเดินทาง : ระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ถึงศูนย์ประมาณ 101 กม. ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ใช้ทางหลวงหมายเลข 108 (สายเชียงใหม่-ฮอด) ถึงอำเภอสันป่าตองเลี้ยวขวาบริเวณแยกบ้านกาด เข้าทางหลวงหมายเลข 1013 (ถนนสันป่าตอง-แม่วาง) อีก 27 กิโลเมตร ผ่านศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งหลวงไปอีก 16 กิโลเมตร จะถึงศูนย์
อยาก Slow life ชิลล์ๆ บรรยากาศดีๆ ขอแนะนำ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยน้ำริน เพราะที่นี่เน้นธรรมชาติจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น ชมแปลงส่งเสริมและสาธิตผลผลิตตามฤดูกาล, ชมแปลงไม้ดอก
เช่น ไฮเปอร์ริกัม เฟิร์นเขากวาง, ชมวิถีชีวิตของชาวเขา อย่างเช่น การตำข้าวโดยใช้ครกกระเดื่อง การทอผ้ากี่เอวแบบกะเหรี่ยงของกลุ่มแม่บ้าน การทำไม้กวาดดอกหญ้าของกลุ่มแม่บ้านเมืองน้อย การตีเครื่องเงินแบบกรรมวิธีโบราณ
แต่ถ้าอยากท่องเที่ยวทางธรรมชาติก็มี บ่อน้ำพุร้อนแม่ขะจาน และน้ำตกเมืองน้อย เป็นน้ำตกจากหน้าผาสูง 10 เมตร ไหลเป็นทางไปจนถึงน้ำตกห้วยม่วง มีเส้นทางเดินชมธรรมชาติ ป่าเขา พรรณไม้ และที่พลาดไม่ได้คือของฝากงานหัตถกรรมชาวเขา ติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้านสักนิด
วิธีการเดินทาง : จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 118 (เชียงใหม่-เชียงราย) ประมาณหลัก กม.ที่ 63-64 จะมีทางแยกซ้ายตรงทางเข้าโครงการ เป็นถนนลาดยาง 8 กิโลเมตร ต่อด้วยถนนลูกรัง 1 กิโลเมตร รวมระยะทาง 72 กิโลเมตร
เป็นอย่างไรบ้าง หน้าหนาวนี้เพื่อนๆ ต้องปักหมุดสักที่แล้วล่ะ น่าไปขนาดนี้ ใครจะอยากพลาดกัน !
ที่มา ข้อมูลและภาพจาก thairoyalprojecttour.com ,sanook