การประปาส่วนภูมิภาค สาขาลพบุรี ออกมาแจงเหตุก่อสร้างประปาภูมิภาคล่าช้า ยันทุกหน่วยงานเร่งเต็มที่สร้างได้แน่นอนทันเส้นตาย 31 ก.ค. 58 แจงล่าช้าติดขัดปัญหาที่ดินที่จะก่อสร้างเป็นที่ ส.ป.ก.โอนให้ กปภ.ไม่ได้…
จากกรณีที่มี ตัวแทนชาวบ้านใน 4 ตำบลกว่า 4 พันครัวเรือน ประกอบไปด้วย ตำบลลำสนธิ ตำบลหนองรี ตำบลกุดตาเพชร และ ตำบลเขารวก อำเภอลำสนธิ จังหวัดลพบุรี ออกมาร้องเรียนปัญหาการก่อสร้างประปาส่วนภูมิภาคลำสนธิ ว่าหลังจากที่มีการอนุมัติโครงการให้มีการก่อสร้าง และอนุมัติวงเงินในการก่อสร้างจำนวน 203 ล้านบาท พร้อมทั้งมีการตกลงกับผู้รับเหมาก่อสร้างเป็นที่เรียบร้อยมานานเกือบปี แต่ยังไม่สามารถลงมือก่อสร้างได้แต่อย่างใด
จนกระทั่งหลังสุดชาวบ้านทราบข่าวสาเหตุไปติดขัดอยู่ที่การอนุญาตใช้พื้นที่ ในการก่อสร้างสถานีผลิตประปาที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ และหากเกินวันที่ 31 ก.ค. 58 สิ้นปีงบประมาณ ยังไม่สามารถลงมือก่อสร้างได้ก็จะทำให้ผิดระเบียบ จะต้องถูกเรียกงบประมาณกลับคืน โดยจะทำให้ชาวบ้านทั้ง 4 ตำบลที่ตั้งความหวังว่าจะมีน้ำประปาใช้แบบถาวรและยั่งยืนต้องสูญเสียโอกาส จึงออกมาโวยถึงการประสานงานที่ล่าช้าของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมขู่ หากยังไม่มีความคืบหน้าเตรียมพร้อมรวมตัวชาวบ้านที่เดือดร้อนแสดงพลัง เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 58 นายวินัย สุขสุมิตร ผจก.การประปาส่วนภูมิภาค สาขาลพบุรี กล่าวว่า การประปาส่วนภูมิภาค ได้มีการอนุมัติโครงการก่อสร้างประปาส่วนภูมิภาคลำสนธิ จำนวนวงเงิน 203 ล้านบาทจริง นอกจากนั้นก็ยังมีบริษัทที่รับจ้างในการก่อสร้างพร้อมที่จะลงมือในการ ก่อสร้างทันทีจริง
ผจก.การประปาส่วนภูมิภาค สาขาลพบุรี กล่าวต่อว่า ส่วนสาเหตุที่การประปาส่วนภูมิภาค ยังไม่สามารถลงนามสัญญาให้บริษัทผู้รับเหมาลงมือก่อสร้างได้ และทำให้เกิดการล่าช้านั้น สาเหตุมาจากในครั้งแรกเดิมทีในการสำรวจโครงการได้มีการตกลงให้มีการก่อสร้าง สถานีผลิตน้ำประปาแห่งแรกที่บริเวณจุดติดกับบริเวณค่ายลูกเสือจุฬาภรณ์ จำนวน 161 ไร่ ที่แต่เดิมเป็นพื้นที่ของ สปก. ทางเจ้าหน้าที่ สปก.ก็ได้มีการต้องลงอนุญาตยกให้ประปาฯ ใช้พื้นที่ได้ แต่ต่อมาเกิดติดขัดข้อกฎหมายว่าพื้นที่จุดนั้นแท้จริงแล้วกลายเป็นพื้นที่ ป่าสงวนแห่งชาติ สปก.จึงไม่สามารถอนุญาตให้ประปาฯ ใช้พื้นที่ได้ เนื่องจากต้องผ่านขั้นตอนมากมาย และใช้เวลานานมากในการอนุญาตจากป่าไม้
นายวินัย กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นประปาฯ ก็ได้ประสานขอใช้พื้นที่ของชลประทาน จำนวน 190 ไร่ /ที่อยู่ติดกับอ่างเก็บน้ำกุดตาเพชร ซึ่งทางชลประทานก็อนุญาตให้พื้นที่กับประปาฯ มาจำนวน 29 ไร่ แต่หลังจากประปาทำหนังสือไปถึงชลประทานกลับพบว่าชลประทานได้รับอนุญาตจาก ส.ป.ก.มาจริง แต่ไม่สามารถอนุญาตยกพื้นที่ให้ต่อกับประปาได้ ดังนั้นในขณะนี้จึงต้องเร่งดำเนินการให้ชลประทานทำเรื่องเสนอคืนพื้นที่จำนวน 29 ไร่แห่งนี้กลับไปยัง ส.ป.ก. ต่อจากนั้น ส.ป.ก.ก็จะสามารถอนุญาตให้ประปาส่วนภูมิภาคใช้พื้นที่จำนวน 29 ไร่นี้ได้อย่างถูกต้อง
ในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้ง ส.ป.ก.จะได้ลงพื้นที่ของชลประทานแปลง 190 ไร่ เพื่อรังวัดแบ่งแยกออกจำนวน 29 ไร่ เพื่อส่งคืน ส.ป.ก. และในวันที่ 17 มิ.ย ทาง ส.ป.ก.ก็จะได้นำเรื่องเข้าคณะกรรมการระดับจังหวัด ในการยกพื้นที่ 29 ไร่ฯ จากนั้นก็จะได้นำเรื่องส่งไปยัง ส.ป.ก.ใหญ่ใน กทม. เพื่อขออนุญาตมอบพื้นที่ให้กับประปาส่วนภูมิภาคใช้พื้นที่ และหลังจากนั้นการประปาส่วนภูมิภาคก็จะสามารถลงนามในการว่าจ้างผู้รับเหมาและพร้อมลงมือในการก่อสร้างได้ทันที ยืนยันว่าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามทุกวิถีทางในการอนุญาตใช้พื้นที่ ให้ทันกำหนดวันที่ 31 ก.ค. 58 เพื่อให้มีการลงมือก่อสร้างทันตามกำหนด เพื่อประชาชนจะได้มีน้ำประปาใช้ตามความต้องการต่อไป.