ยิ่งยง เปิดใจไม่เคยทอดทิ้งลูก
หลังจากที่มีหญิงสาวชื่อ “น้ำฝน-พรศิริ บัวงาม” อายุ 24 ปี ออกมาร้องสื่อเพื่อให้“ยิ่งยง” ยอมรับเป็นลูกและส่งเสียงเลี้ยงดูหลังจากถูกสามีฝรั่งทำร้ายบาดเจ็บสาหัสที่ อ.เถิน จ. ลำปาง โดยยิ่งยงยอมรับว่าเป็นลูกสาวที่เกิดภรรยาคนแรกจริง พร้อมเผยว่าตนเองยังมีลูกชายอีกคนชื่อ “วุฒิไกร บัวงาม” หรือ “อ้น นิธิพัฒน์”ซึ่งทุกวันนี้ปั้นให้เป็นศิลปินหน้าใหม่ใน สังกัด บัวงาม อินเตอร์เนชั่นแนล เรียบร้อยแล้ว ความคืบหน้าในเรื่องนี้ “ยิ่งยง” ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า
เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นมายังไง
“น้องฝนคือลูกสาวของผมแท้ๆ ซึ่งเป็นลูกกับแฟนเก่าตอนน้องเรียนป4พี่ก็ได้แยกตัวกับแม่ของเค้าไปแล้วพี่ก็ได้ทำเรื่องฟ้องร้องกับศาลเด็กเพื่อที่จะรับลูกสาวมาอยู่ด้วย เพื่อที่จะเลี้ยงดู ก็คือผมมีลูก 2คน ผู้หญิงกับผู้ชาย พอทำเรื่องกับศาล ศาลก็ต้องให้เราเลือกว่าจะเลือกผู้หญิงหรือผู้ชาย ผมก็บอกว่าผมอยากได้ลูกผู้หญิง ศาลก็ถามว่าทำไม คือผมต้องการดึงลูกสาวมาเลี้ยงเอง เพราะถ้าวันนึงแม่เค้ามีสามีใหม่ไม่อยากให้ลูกโดนกระทำชำเลา ตอนนั้นศาลก็ถามเด็กทั้ง 3ครั้งว่าอยู่กับใคร ลูกก็ตอบว่าอยู่กับผม ผมก็เลี้ยงลูกมาตลอดเวลาเรียนตั้งแต่ป.4 จนถึง ม6 เทอมสุดท้ายเค้าก็เริ่มที่จะหนีออกจากบ้าน คือฝนเป็นคนที่เรียนเก่งมาก และผมก็หวังกับเค้ามากว่าอนาคตก็อยากให้เค้าเป็นหมอ หลังจากที่น้องหนีไป ครั้งแรกก็ไปตามกลับมาและให้อภัยเค้า เค้าก็คงหนีไปอยู่กับเพื่อนอะไรแบบนี้ พอครั้งที่ 2 ก็ไปอีก ผมก็ไปตามและบอกเค้าว่ายังไงก็เรียนให้จบม.6 ก่อนมั้ยลูก แล้วตอนนั้นลูกก็กลับมา พอครั้งที่3 ผมโกรธมาก ผมเจ็บมากที่ลูกไม่เชื่อผม ไม่ตั้งใจเรียน แล้วเค้าก็หนีไปไม่ติดต่อมาเลย ผมไม่เคยตีลูก สอนให้เค้ามีอนาคตที่ดี แต่คืออยากให้เรียนจบก่อนนะ อยากจะไปไหนไม่ว่าอะไรเลย แล้วหลังจากนั้นก็ได้ข่าวว่าไปอยู่กับแม่เค้า เราก็ไม่ได้ว่าอะไร เราก็ตามในเค้า”
แล้วได้มีการพูดคุยหรือส่งเสียหลังจากที่ไปอยู่กับแม่เค้าแล้ว
“เรื่องส่งเสียคือเรารู้ว่าลูกมีแฟน เค้าโตแล้ว เราก็โอเคถ้าลูกอยากมีแฟนเราต่างคนต่างอยู่ก็ได้ คือถ้าลูกออกเรือนไปแล้วเนี้ย เราก็ไม่ต้องไปรับผิดชอบอะไรมาก แต่ถ้าเกิดลูกมีปัญหาอยากจะได้เงินพ่อก็จะยินดีส่งให้”
แล้วที่น้องบอกว่าทางพี่ยิ่งยงบอกว่าจะติดต่อรับมาอยู่ด้วยตอนปีใหม่แต่ยังไม่มีการติดต่อมา
“อันนี้ประเด็นหลังนะ หลังจากที่น้องมีแฟนเป็นฝรั่ง คือมีอยู่วันนึงผมไปถ่ายละครที่ชลบุรี มีฝรั่งโทรมาหาผม บอกผมว่า ยูเป็น grand father แล้วนะ ผมก็งงว่าคืออะไร คือใคร แล้วฝรั่งก็บอกว่า เค้าเป็นแฟนกับฝนเป็นฝรั่งอยู่อังกฤษ ผมก็เออๆก็ดีแล้วนี่ แต่ฝรั่งเค้าบอกว่า I want to meet you ต้องการพบผม พอหลังจากกลับมาก็ปรึกษากับแฟน ว่าลูกสาวโทรมาอยากจะพบเรา แต่ผมนี่โกรธมากไม่ยอมจะให้เข้ามา แต่แฟนพี่บอกว่าในเมื่อลูกจะเข้ามาเราก็ต้องให้อภัยเค้า ลูกก็เข้ามาเอาดอกไม้ธูปเทียนมากราบขอโทษสิ่งที่ทำผิดไปแล้ว พอหลังจากที่เค้าเข้ามาเราก็ขับรถไปดูที่บ้านเช่า ก็ถามเค้าว่าทำอาชีพอะไร ฝรั่งก็บอกว่าเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่ร่มเกล้า พอเข้าไปดูที่บ้านคือไม่มีอะไรเลย ไม่มีตู้เย็น ไม่มีรถ ผมก็ว่าจะซื้อรถ ซื้ออะไรมาให้เค้า พออยู่ 2เดือน เค้าก็บอกว่าโรงเรียนสอนภาษามีปัญหา ผมก็เลยรับเค้ามาอยู่ที่บ้าน พออยู่ไปอยู่มาแรกๆก็ดี หลังก็เริ่มทำร้ายลูกเรา แบบผัวเมียทะเลาะกัน ถามว่าเราเจ็บมั้ย แต่เราทำอะไรไม่ได้เพราะสิ่งนี้คือสิ่งที่ลูกรัก เราไม่อยากจะไปขวางอะไรเค้ามาก แต่ผมก็เรียกเค้าเข้ามาบอกว่าจะทำแบบนี้ไม่ได้ พ่อไม่ชอบ มาทำร้ายลูกเราถือว่าผิดมาก มีปัญหาจนที่บ้านรับฝรั่งคนนี้ไม่ได้ พอคุยไปคุยมาฝนก็มาดีกับฝรั่งคนนี้อีก เราก็เลยตกลงกันว่าจะซื้อบ้านเพื่อไว้สอนภาษา ทำโรงเรียนสอนภาษาจะได้มีอาชีพ พอถึงวันที่จะตกลงซื้อบ้าน ฝรั่งก็เดินมาบอกว่าไม่เอาบ้านแล้ว จะเลิกกับฝน จะกลับอังกฤษ แล้วก็เอาโอลีเวีย คือลูกของฝนมาฝากกับแฟนพี่ พอเค้าเลิกกันผมก็กลัววว่าลูกจะอันตรายผมก็เลยแยกลูกไปอยู่บ้านน้องชาย ส่วนฝรั่งก็ไปอยู่ประเทศเค้า แล้วก็ส่งsmsมาใส่ร้ายป้ายสีผม เอารูปของแฟนผมไปโพสในเวปไซต์ต่างๆว่าเป็นสาวบริการ นั้นคือสิ่งที่เลวร้ายสำหรับชีวิตครอบครัวผม
แล้วอยู่ๆทำไมน้องฝนถึงออกมาให้ข่าวว่าไม่ได้รับการติดต่อ
“ยังมีอีกเรื่องนึงก็คือหลังจากนั้นก็ให้ฝนไปอยู่บ้านน้อง ลูกก็มาขอผมว่าอยากไปเที่ยวภูเก็ต คือผมเข้าใจนะว่าลูกต้องติดต่อกับสามีตลอด ตอนนั้นฝนก็ส่งข้อความมาบอกว่า “คุณพ่อตอนนี้ฝนพักอยู่กับเพื่อนๆนะที่ภูเก็ตนะ” ผมก็บอกเค้าว่า “เออดูแลตัวเองนะลูกนะ” แล้วพอหลังจากนั้น2วัน ฝรั่งก็โทรมา มันหัวเราะเสียงดังเลยว่าตอนนี้ตัวเค้าอยู่กับฝนที่ภูเก็ต พอผมรู้ ผมบอกเลยว่าถ้าเป็นคนๆนี้พี่ไม่เอาแล้วนะ ผมไม่เอาแล้ว ทุกคนในครอบครัวเดือดร้อนเพราะเค้า แล้วผมก็เลยปล่อยให้เค้าไปให้เป็นเรื่องของเค้าเลย เราก็ไม่ยุ่งเลย พอหลังจากนั้นมาเกือบปี ก็มีคนโทรมาจากเถิน โทรมาหาแฟนพี่ว่า “ใช่คุณแม่ของน้องฝนมั้ย” ทิพย์ก็บอกว่าใช่ เค้าก็บอกว่าตอนนี้น้องฝนสลบอยู่ในบ้าน 2วันแล้วยังไม่ฟื้นเลย เราก็ถามเค้าว่า อ้าว!ทำไม เป็นอะไรล่ะ! เค้าก็บอกว่าสามีฝรั่งตีจนสลบ จากนั้นแฟนพี่ก็ขับรถไปเถินเลย เพราะคือที่ลำปางโรงพยาบาลไม่รับ พอไปถึงที่โรงพยาบาลผมก็ไป แต่ผมไม่ลงไป เพราะผมเกลียดฝรั่งคนนั้นมาก กลัวว่าถ้าลงไปแล้วจะทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง ก็เลยให้แฟนผมไปดูแล ให้แม่เค้าไปดูแลไปซับพอร์ตเรื่องต่างๆ พอฝนอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณเดือนนึงถึงฟื้น ตอนนั้นสภาพร่างกายบอบช้ำมาก ผมถึงบอกว่าผมเจ็บ เจ็บตั้งแต่หนีผมไปแล้ว แล้วต้องมาโดนผู้ชายที่ไม่ใช่คนไทยด้วยกันมาทำร้าย ผมก็บอกลูกว่าถ้าเค้าเลือกที่อยู่กับผู้ชายผมก็ไม่ยุ่ง พอหลังจากฝนอาการดีขึ้น ผมก็ให้แม่ของฝนมารับไปบำบัดไปดูแล ไปทำกายภาพบำบัด แล้วที่รับปากว่าปีใหม่คุณพ่อจะมารับไปเที่ยวที่กรุงเทพ พอถึงปีใหม่ฝนก็กลับมาอยู่กับฝรั่งคนเดิมอีกแล้ว ซึ่งทางแม่เค้าก็แจ้งความไว้กับตำรวจหมดแล้ว ขึ้นโรงขึ้นศาลหมดแล้ว พอฝรั่งกล่อมให้ฝนกลับมาอยู่กับเค้าได้ เค้าก็ให้ฝนไปแจ้งถอนฟ้องทั้งหมด แล้วก็เค้าก็เลิก แล้วมาวันนึงเค้าก็มีปัญหา เค้าถึงมาลงหนังสือว่าผมเนี้ยไม่ดูแลเค้า ไม่ดูแลลูก”
หลังจากที่มีข่าวออกมาได้คุยกับฝนบ้างรึเปล่า
“ผมยังไม่ได้คุยกับลูกเลยครับ เพราะผมก็มีงานวิ่งนู้นวิ่งนี่ตลอด ถ้าจะคุยก็ต้องมาคุยกันที่บ้าน ถ้าลูกอยากจะทำอะไร อยากมีอาชีพอะไรให้มาคุยกันที่บ้าน อย่ามาขอผ่านสื่อ มันเหมือนกดดันเรา เราทำงานทุกวันนี้เราก็ทำไว้ให้ลูก บ้านก็เคยมาอยู่ทำไมลูกถึงมาบอกว่าพ่อไม่รับผิดชอบ ผมพร้อมที่จะดูแลลูก แต่ขอให้ลูกมาที่บ้าน มาคุยกัน ก็อยากจะบอกตรงนี้ว่าผมพร้อมที่จะดูแลลูก แต่ขอให้ลูกมาที่บ้าน มาคุยกัน”
แล้วตอนนี้ฝนเค้าเลิกกับฝรั่งคนนั้นรึยัง
“ผมไม่แน่ใจครับ ผมไม่แน่ใจ แต่ผมบอกไว้แล้วว่า ถ้าเกิดมากับฝรั่งคนนี้ก็อย่ามา ผมรับไม่ได้”
ยังคงยืนยันว่าถ้าจะมากับฝรั่งจะตัดขาดมั้ยคะ
“ก็คงไม่ถึงขนาดนั้น เค้าอาจจะมาคนเดียวได้ แต่อย่าเอาฝรั่งคนนั้นมา”
ข่าวที่เกิดขึ้นมันมีผลกระทบอะไรกับตัวพี่ยิ่งยงมั้ย
“ถามว่ามีผลกระทบอะไรกับครอบครัวผมมั้ย ผมว่ามันดีด้วยซ้ำไป ให้ทุกคนได้รู้ว่าผมไม่เคยทิ้งลูก ไม่เคยละเลยในการดูแลลูก ลูกผู้ชายก็อยู่กับผมแล้วผมก็ทำเพลงให้เค้าด้วยตอนนี้ ออกซิงเกิ้ลให้เค้าไปแล้ว “อ้นนิธิพัฒน์” เค้าแต่งเองร้องเอง เค้ารัก เค้าอยากเป็นนักร้องเราก็ทำให้
หลังจากนี้ไปกับฝนจะมีการส่งเสียเลี้ยงดูยังไง
จากนี้ไปก็จะเรียกลูกมาคุยว่าจะทำอะไร ถ้าส่งเงินไปก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้หรือไม่ได้ เราก็เรียกมาคุยกันไม่อย่างงั้นมันไม่จบว่าทำทำไมต้องออกมาบอกสื่อแบบนี้ ผมไม่เข้าใจ”