หากต้องถอดรหัสคนที่ประสบความสำเร็จในการสร้างธุรกิจของตัวเอง อาจแยกเป็นหลายปัจจัย ทั้งฝีมือ จังหวะ โชคชะตา โอกาส และเงินทุน ทุกองค์ประกอบมักซ่อนอยู่ในที่ลับตา บ้างก็ลอยล่องอยู่ในอากาศ อยู่ที่ว่าใครจะหยิบจับมาเปลี่ยนเป็นช่องทางและโอกาสได้มากแค่ไหน โดยเฉพาะยุคออนไลน์ ที่เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าการทำธุรกิจไปแบบสิ้นเชิง
พบกับธุรกิจที่สามารถพลิกสถานการณ์จากการนับหนึ่งสู่หลักร้อยล้าน กับประสบการณ์ทำธุรกิจผ่านช่องทางบนโลกออนไลน์ โดย 3 นักธุรกิจยุคใหม่ “สุรีรัตน์ ศรีพรหมคำ” เจ้าของธุรกิจอาหารทะเล “เจคิว ปูม้านึ่ง” “ปนิดา ศรีชัย” ธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์ “Panicloset” และ นภัทร ศิริธรรม จากธุรกิจสื่อโฆษณา “At First Byte” ในงานสัมมนา Reality Talk “IDEA เงินล้าน” จัดโดยธนาคารกรุงศรีฯ และรายการ “อายุน้อยร้อยล้าน” ภายในงาน BIZ expo 2015 ณ ศูนประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โซนพลาซ่า
จากเทรนด์กระแสโลกออนไลน์ที่กลายมาเป็นชีวิตประจำวันของผู้คน ทำให้เกิดเป็นช่องทางที่แจ้งเกิดให้กับธุรกิจระดับเอสเอ็มอีมากมาย นภัทร ศิริธรรม หัวเรือใหญ่จาก At First Byte สื่อโฆษณาที่ดูแลสื่อออนไลน์ให้กับแบรนด์ยักษ์อย่าง เบียร์ช้าง ซีพีออล แมคโคร กล่าวถึงประโยชน์ของสื่อออนไลน์ว่า
“สื่อออนไลน์สามารถสร้างนักธุรกิจให้รวยและดังในชั่วข้ามคืน ด้วยแนวคิดพื้นฐานง่ายๆ product price place promotion อย่างผลิตภัณฑ์ออยบำรุงหนวด จะขายที่ไหนดี ตลาดนัดจตุจักรดีมั้ย? หรือตลาดนัดรถไฟ หนึ่งสัปดาห์ขายได้กี่วัน ค่าเช่าวันละเท่าไหร่ มีคนเดินต่อวันเท่าไหร่ คนอื่นขายเท่าไหร่ แล้วเราต้องขายราคาเท่าไหร่คนถึงจะซื้อ โปรโมชั่นล่ะ? คนอื่นลดราคา เราจะทำยังไง? แบบนี้กลุ่มลูกค้าเราจะจำกัดอยู่แค่ตลาดนัดรถไฟแค่นั้น ต้องคำนวนอีกว่าขายเท่าไหร่ถึงจะได้กำไร ขณะที่สื่อออนไลน์ไม่ต้องคิดขั้นตอนตรงนี้ให้ซับซ้อน เดี๋ยวนี้สินค้าอย่างน้ำมันจิ้งเหลนก็สามารถเอาขึ้นเว็บไซต์ เฟซบุ๊ค อินสตาแกรมได้เหมือนกัน ไปอยู่บนอีเบย์ ไลน์ ยูทูป ช่องทางทั้งหมดนี้ฟรีหมดเลย คนที่เราเข้าถึงได้ก็จะไม่ใช่คนเดินตลาดนัดแล้ว สถิติตอนนี้บ่งชี้ว่าคนไทยเล่นเฟซบุ๊ค 30 ล้านคน เล่นไลน์ 33 ล้านคน และจำนวน 35 ล้านคนที่เล่นอินเตอร์เน็ต
พออยู่บนโลกออนไลน์มันมีเสิร์ชเอนจิ้น เราสามารถหาเทรนด์ความสนใจของคนได้ หรือการซื้อโฆษณาบนเฟซบุ๊ค เราสามารถโปรโมตสินค้าไปยังกลุ่มเป้าหมายของเรา อย่างยูทูป เราสามารถเลือกโฆษณาของเราไปอยู่ในกรุ๊ปเดียวกับคอนเทนท์ที่กลุ่มเป้าหมายเราสนใจได้ แคมเปญในเฟซบุ๊ค มีเงินน้อยก็สามารถทำไลค์ได้ถึง 2500-6000 กับค่าโฆษณาเพียง 150 มีแต่คุ้มกับคุ้ม เราสามารถเลือกความสนใจกลุ่มลูกค้าที่เหมาะกับโปรดักส์เรา บางทีทำอะไรไม่ต้องหรูหรา แต่ทำให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย หาช่องทางที่ใช้ค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด และทำให้โปรดักส์เราไปหากลุ่มลูกค้าให้ได้มากที่สุด”
เจคิว-ปูม้านึ่ง อาหารทะเลเดลิเวอรี่ รายได้ปีละ 300 ล้านบาท!
สุรีรัตน์ ศรีพรหมคำ เจ้าของธุรกิจดังกล่าวเผยถึงที่มาว่า
“เราเริ่มทำปี 2012 ตอนนั้นทำควบงานประจำเป็นเซลล์ส่งของออกต่างประเทศ แต่เรามีความฝันว่าอยากทำธุรกิจส่วนตัว บ้านเกิดเราอยู่สุราษฯ จนได้ไอเดียเริ่มเอาอาหารทะเลมาขายตามร้านอาหาร-โรงแรมในกรุงเทพ เพราะมองว่าร้านอาหารทั่วไปต้องการวัตถุดิบที่สด ยิ่งสดคนยิ่งชอบ ก็ขายไปเรื่อยๆ ขายปูม้า กุ้งแม่น้ำ ตอนนั้นมีเงินเดือนประมาณแสนนึง ก็เริ่มสนุก แต่มีปัญหา ส่งปูไปแล้วลูกค้าขอจ่ายสด บ้างก็ขอขอลดราคาได้มั้ย บางร้านที่ว่าเงินสดคือจ่ายภายใน 10 วัน หลังๆ ที่หนักเลยคือ เที่ยงคืนร้านอาหารโทรมาสั่งพรุ่งนี้ให้เอาปูมาส่ง 30 โล พอถึงเวลาจริง เอาแค่ 20 อ้าว! แล้ว 10 โลที่เหลือทำไงล่ะ ก็โดนบีบให้ลดราคา ไม่งั้นก็เอากลับมา ปู 10 โลจะให้ตีกลับสุราษฯ ก็ไม่ได้ เลยเอาปูมาออฟฟิศที่ทองหล่อ ตั้งซึ้งนึ่งมันตรงนั้นเลย ด้วยความโมโห เลยแจกเพื่อนกินหมดเลย ตอนนั้นเราส่งปูเพราะอยากทำธุรกิจส่วนตัวเฉยๆ รายได้เสมอตัวจนแทบเข้าเนื้อ แต่เราแค่รู้สึกอยากทำตามความฝัน
จากความสนุก สู่ธุรกิจหลักร้อยล้าน
เรารู้สึกว่ากินที่ออฟฟิศกันถี่มากขึ้น ญาติๆ เพื่อนๆ เริ่มถามว่าวันนี้ไม่มีปูหรอ ขอซื้อก็ได้นะ จากแรงบันดาลใจตรงนั้นแหละ เพราะปูของเราสด น้ำจิ้มอร่อย จนคิดว่าต้องทำแบบจริงจังแล้ว ทางเลือกหนึ่งคือเปิดร้านอาหาร แต่ดูจากสถานการณ์ทางการเมืองเราเจ๊งแน่ บางทีทำธุรกิจถ้าคิดเยอะไปก็ไม่รอด เราคิดง่ายๆ ทำยังไงจะขายได้ เลยทำเดลิเวอรี่แล้วกัน ดูง่ายแต่มีหลักการ เราหาข้อมูลเลย ตอนแรกแจกใบปลิวก่อนเพราะเราเล่นเฟซบุ๊คไม่เป็น ทำง่ายๆ ปริ้๊นท์เอง ตัดเอง แต่ไม่ได้ผล ตอนนั้นหมดงบเป็นหมื่น เราคิดว่าทำไมคนไม่เอาใบปลิว เพราะมันไม่มีประโยชน์ เลยเปลี่ยนเป็นปริ๊นท์สติ๊กเกอร์แปะทิชชู่ก็ไม่ได้เรื่องอีก แฟนก็แนะนำว่าสมัครเฟซบุ๊คเถอะ(หัวเราะ)
ช่วงแรกๆ ขายได้วันละ 15 โล ทุกวันนี้ขายปูม้านึ่ง 30 กว่าตัน กุ้ง 8-900 โล ตอนเริ่มมี 1 สาขา ตอนนี้มี 19 สาขา เราไม่เป็นร้านอาหาร ไม่จำเป็นต้องใช้แม่ครัว แค่คนนึ่งย่างให้เป็นพอ พนักงานเราเลยมีแค่ 15 คน ส่วนเรื่องคนส่ง เริ่มจากเราคิดว่าถ้าให้วินมอไซต์ไปส่งถ้าเค้าเอาเงินเราไปจะทำไง เลยเรียกไปด้วยกันเลย คนที่เราไปประจำ ก็พูดคุยเรื่องธุรกิจของเรา ทำให้เค้าเชื่อใจ ก่อนชวนมาทำเลย สร้างความเชื่อมั่น น้องเค้าก็เริ่มมาส่งกับเรา จนบางครั้งลูกค้าเป็นคนจ่ายค่ามอไซต์ด้วยซ้ำ ซึ่งเดี๋ยวนี้วินมาช่วยกันส่งทั้งวินแล้ว(หัวเราะ) ส่วนรายได้ ตอนนี้ขายได้วันละล้าน ปีละ 2-300 ล้าน
ก้าวสู่การทำธุรกิจบนเฟซบุ๊คเต็มตัว ปัจจุบันแฟนเพจ 5 แสนไลค์
สุดท้ายเรายอมสมัครเฟซบุ๊ค แอดเพื่อนทีเดียวเลย 500 คน จนโดนบล็อก 15 วัน เราก็ส่งอีเมล์ไปถามเฟซฯ จะบล็อกทำไมเนี่ยเราแค่ร้านปูเล็กๆ คือกติกาของเฟซฯห้ามแอดมั่ว ต้องแอดคนรู้จัก จนเฟซบุ๊คทนไม่ไหว ปลดล็อกให้เรา(หัวเราะ) เราก็บ้าขายปูมากๆ จนเพื่อนอันเฟรนด์หมด จากนั้นพอมีลูกค้าเยอะมากขึ้น เราก็เริ่มแอดคนน้อยลง จากนั้นก็เริ่มย้ายไปทำแฟนเพจ ข้อดีคือคนฟอลโลวได้ไม่อั้น พอมีเพจ เราโปรโมตรหนักเลย จนเราเริ่มขายได้วันละ 30-40 กิโล
การทำธุรกิจ เราต้องการให้คนรู้จัก โดยทั่วไปต้องโฆษณาทางทีวี แต่เราไม่มีเงิน ทางเลือกคือเฟซบุ๊คนี่แหละ เราเอาโปรโมชั่นมาเล่น ด้วยการออกโปรโมชั่นไลค์แอนด์แชร์เพจ ของแจกไม่จำเป็นต้องเป็นของในร้าน ซึ่งเราแจกเฟอร์บี้ ที่ตอนนั้นกำลังฮิต แคมเปญนี้ทำให้ไลค์เราเพิ่มขึ้นหลักหมื่น ยอดขายก็ดีขึ้น จนไปเข้าตาสื่อมวลชน พอแฟนเพจเรามีคน 10000 เราก็เริ่มซื้อโฆษณาในเฟซ ตอนนี้มี 5 แสนไลค์แล้ว ตอนนี้ลงวันละแค่โพสต์เดียว การคิดคอนเทน์ของเจคิวโอ๋จะคิดคนเดียว จริงๆ ควรจะเล่นกับแฟนเพจเรื่อยๆ ไม่ใช่เอาแต่ขายของ แต่เล่นกับแฟนเพจ คำคมให้กำลังใจ ทักทาย ชวนกินอาหาร
เคล็ดลับความสำเร็จ เจคิว ปูม้านึ่ง
สูตรของเจคิว หนึ่ง. เฟซบุ๊คของเราเวลาขายของออนไลน์ เราต้องสร้างความเชื่อถือ ในธุรกิจอาหารอย่าให้รูปสวยเกินจริง เราถ่ายขนมจีนน้ำยาปู พอในรุปมีไข่ต้ม แต่สั่งมาจริงไม่มีไข่ต้ม มันจะสร้างความคาดหวัง ตอนนี้ลงวันละแค่โพสต์เดียว การคิดคอนเทนท์ของเจคิว โอ๋จะคิดคนเดียว จริงๆ ควรจะเล่นกับแฟนเพจ ไม่ใช่แค่ขายของ แต่เล่นกับแฟนเพจ คำคมให้กำลังใจ ทักทาย ชวนกินอาหาร
เวลาลูกค้าสั่งปู 12 โล เอาไปเชงเม้ง ปรากฏว่าปูเสีย ถ้าเราสืบจริงๆ ก็สามารถรู้ได้มันเสียเพราะอะไร จากการขนส่งของเค้าหรือเปล่า แต่เรารับผิดชอบด้วยการเอาปูไปส่งเพิ่ม เราต้องซื่อตรงกับลูกค้า ในภาพเป็นยังไง สินค้าก็ต้องตามนั้น เป็นการสร้างความเชื่อใจ มีอยู่กรณีหนึ่งลูกค้าแพ้แมงดา เราโทรหาลูกค้าเที่ยงคืน ลูกค้ากิน 6 โมง ท้องเสีย 4 ทุ่ม เราอธิบายเลยว่า พิษแมงดาออกฤทธิ์ภายใน 15 นาที ลูกค้าจึงสบายใจได้ว่าไม่ใช่อาการแพ้ แต่กินของหลายอย่างจนท้องเสีย เราต้องรับผิดชอบลูกค้า ใส่ใจทุกเรื่อง เกิดอะไรขอโทษไปก่อน เราทำแบรนด์ของเราให้มีความซื่อสัตย์
สิ่งที่เจคิวแตกต่างจากร้านอาหารทะเลอื่นๆ
เราดูแลวัตถุดิบตั้งแต่ต้นทางที่สำคัญถ้าประสบความสำเร็จต้องมีคนเลียนแบบแน่นอน เราไม่มองว่าเจ้าอื่นเป็นคู่แข่ง แต่เป็นผู้ร่วมงาน ที่จะทำให้ตลาดมันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เคยมีคนถามว่า ใครวะจะกินปูของมึงทุกวัน? เราไม่เคยท้อ ทำอะไรต้องทำให้สุด มีคนมาท้าเราให้ลองทำอินสตาแกรมดูบ้างสิ เราก็ทำเลย ง่ายมาก เอาไปให้ดาราลองกิน เค้าก็ลงโปรโมตให้ แต่ห้ามฝากร้าน มันเสียศักดิ์ศรี เคยไปบอกคุณสรยุทธิ์ว่าจะส่งไปให้เค้ากิน เค้าบอกส่งได้แต่ไม่ลงให้นะ เราก็โอเค ไม่ได้ต้องการให้ลง แค่อยากให้รู้ว่ามีสินค้านี้อยู่บนโลก สุดท้ายอาหารเราโดน เค้าก็ลงให้ จริงๆ แต่เวลาส่งไปให้กินก็อย่าลืมใส่ไอจีเราไปด้วย(หัวเราะ)
การซื้อโฆษณาบนเฟซบุ๊ค
วิธีการบู๊ทโพสต์ บอกสูตรสำเร็จไม่ได้ แต่ยิ่งเยอะยิ่งดี เราต้องหาจุดบาลานซ์ เริ่มจาก 150 บาท ลงรูปโปรดักส์ที่เจ๋งสุด บู๊ทไป แล้วดูฟีดแบ็กว่ามีคนมาไลค์ มาซื้อเท่าไหร่ ลองทดลองไปเรื่อยๆ ใช้เงินน้อยๆ แต่ใช้เงินเยอะๆ โอ๋เสริมเทคนิคว่า ร้านอาหารควรโพสต์ 10 โมง แล้วบู๊ทเลย เพื่อกระตุ้นให้คนอยากกิน เพราะคือช่วงเวลาที่คนเห็นแล้วอยากกิน เจคิวใช้งบตรงนี้วันละ 1000 เท่านั้น ส่วนเป้าหมายต่อไปตั้งเป้าว่าจะทำยอดขายปีละ 500 ล้านบาท และขยายตลาดด้วยการทำน้ำจิ้มซีฟู๊ดขาย พร้อมโรงงานผลิตของตัวเอง
Panicloset ขายไลฟ์สไตล์ผู้หญิง ความงามที่ราคาไม่แพง
ปนิดา ศรีชัย อดีตแอร์โฮสเตสสาว ผู้ทิ้งการประจำบนน่านฟ้า มาเนรมิตความงามและสร้างตัวตนให้กับผู้หญิงวัยทำงาน ในแบรนด์เสื้อผ้า “Panicloset” ที่เจ้าตัวยืนยันว่า สำหรับผู้หญิงราคาค่างวดของความสวยงาม ไม่มีคำว่าแพงจนเกินไป พร้อมกับเล่าถึงการทำธุรกิจนี้ว่า
“ตอนนี้ “Panicloset” เข้าปีที่ 4 แล้ว ก่อนหน้านี้เป็นแอร์โฮสเตสมาก่อน เราเลยมองหาโอกาสทางด้านอื่นบ้าง แต่ไม่เคยทำธุรกิจมาก่อน ก็คิดแค่ว่าจะทำอะไรอย่างไรถึงจะมีเงิน รายได้ตอนนั้นราวๆ 5 หมื่นถึงหนึ่งแสน รู้สึกอิ่มตัว อยากหาโอกาสใหม่ การที่เราจะลาออกจากองค์กรหนึ่งที่มั่นคงมากๆ ต้องคิดเยอะ ทั้งสวัสดิการ ตั๋วเครื่องบิน เรียกว่าสบายเลย แต่ก็ยังไม่กล้าลาออก เราเลยหาอาชีพที่สามารถทำควบคู่ไปกับงานประจำได้ อย่างแรกเราชอบมัน เรามองเห็นโอกาส แอ้ชอบเสื้อผ้า เชื่อว่ามันต้องขายได้ และถ้าเราทำออนไลน์ ก็สามารถควบคู่ไปกับานประจำได้”
ขายเสื้อผ้าผ่านเฟซบุ๊ค
มองว่าทุกคนมีมือถือ เล่นเฟซบุ๊ค โอกาสที่คนเจอร้านเราก็มีสูงมากขึ้น ตอนแรกประเมินค่าเช่าตกแต่งร้าน ใช้เงินเยอะมาก เงินก็ไม่มี กลัวเจ๊งด้วย เลยมาทางออนไลน์ การทำธุรกิจใช้ความชอบล้วนๆ ไม่มีความรู้พื้นฐานอะไรมาก่อน แต่ไอ้ความชอบเนี่ยล่ะ ที่มันทำให้เรามุ่งมั่นตั้งใจทำ เรียนรู้จนถึงที่สุด ตอนนี้ขายได้เดือนละ 6000 ชิ้น แฟนเพจมีคนไลค์กว่าล้านคน
การค้นหาตัวตน-จุดยืนของแบรนด์เสื้อผ้า
จุดยืนของแบรนด์เรา เริ่มจากการสำรวจตลาด เจอร้านเสื้อผ้าเยอะมาก อย่างแรกคือเสื้อผ้าสวย ถ้าคุณรับมาจากที่เดียวกัน แข่งสเต็ปต่อมาคือราคา ถ้าเราเป็นร้านค้าที่ 101 เราจะทำยังไงให้ขายได้มากกว่า 100 ร้านแรก การฉีกออกมาจากคนกลุ่มนั้นจึงเป็นคำตอบ เลยออกแบบและตัดเย็บเอง เพื่อลดการแข่งขันอันดุเดือดและไม่ให้ซ้ำกับแบรนด์อื่น โอเคพอยท์การซื้อของผู้หญิงคือราคาถูก แค่ที่สำคัญคือความสวย ที่ไม่เอาเพราะเราควบคุมคุณภาพการผลิตไม่ได้ จากที่เอาไปให้ร้านเย็บ ตอนนี้มีโรงงาน เจ้าที่เราตัดอยู่เริ่มทำไม่ทัน เพราะยอดขายสินค้าเราเยอะมากขึ้น เลยตัดสินใจเปิดโรงงานขึ้นมา ข้อดีคือเราสามารถควบคุมคุณภาพเสื้อผ้าได้ดี ต้องมโนแบบขึ้นมา ตัดได้จริง มีผ้ามาใช้ได้จริง ใส่ได้จริงในชีวิตประจำวันหรือเปล่า กลุ่มลุกค้าเป็นแบบไหน
ขายเสื้อผ้าออนไลน์ ควรตั้งราคาแบบไหนถึงจะถูกใจคนซื้อ
การตั้งราคาในร้านค้าออนไลน์ ต้องย้อนกลับไปว่า คุณขายใคร ขายที่ไหน เราขายผู้หญิงวัยทำงาน เราก็ดูว่าเค้ามีรายได้ประมาณเท่าไหร่ ผู้หญิงเงินเดือนห้าหมื่น จะใช้เงินซื้อเสื้อผ้าเดือนละเท่าไหร่ กี่เปอร์เซ็นของเงินเดือนบางคนเกินครึ่งด้วยซ้ำ เราขายแพงได้แต่ต้องสมราคา การตั้งราคาของเรา การตัดเย็บเอง เราตั้งราคาแบบร้านทั่วไปไม่ได้ต้นทุนก็เป็นพันแล้ว เราเลยตั้งกลุ่มว่าขายพนักงานออฟฟิศ สินค้าที่ขายดีคือเสื้อยืด ราคาถูก ทุกคนใส่ได้ ต่อมาเป็นชุดเดรส ของเรามีความชัดเจน พิเศษ เพราะเราออกแบบและตัดเย็บเองไม่เหมือนใคร ผู้หญิงยอมจ่ายเพื่อสวยคนเดียว ไม่ซ้ำใคร ถ้าเทียบกับคำชมที่ได้รับ 1700 ถือว่าไม่แพง
Panicloset ประสบความสำเร็จได้ เพราะไม่ได้ขายแค่เสื้อผ้า แต่ขายความเป็นสไตล์
เราประสบความสำเร็จเพราะไม่ได้ขายแค่เสื้อผ้า แต่ขายสไตล์ ความเป็นตัวตนของเรา ตัวไหนขายดีเราก็ต่อยอดทำต่อเลย หรือตัวไหนที่ออกช้า เราก็รู้แล้วว่าแฟนๆ เราไม่ใช่ทางแบบนี้ เรามองว่าผู้หญิงต้องการอะไรในช่วงนั้นๆ ตรุษจีน วาเลนไทน์ โอเคต้องมีสีแดง วาเลนไทน์ต้องสวย น่ารัก ดูดี มีสไตล์ ปีที่แล้วใส่เสื้อตัวนี้ไปแล้ว ถ่ายรุปลงไอจีไปแล้ว ปีนี้เราก็ไม่อยากใส่ซ้ำ ผู้หญิงก็อยากมีชุดใหม่ๆ ใส่เพื่อถ่ายรุปลงโซเชียล นี่คือพฤติกรรมของผู้หญิง อย่างชุดลูกไม้ก็เข้ากับเทศกาลที่ไปวัด ถ่ายรูปเช็คอิน เมษายนไปทะเล ออกแนวโชว์เผยผิว ออกแนวสีสันสดใส เรามีเสื้อผ้าเข้ากับทุกเทศกาล เราต้องมองลูกค้าเป็นหลัก แล้วทำตามความพฤติกรรมเค้า ผู้หญิงมักจะชอบชื่นชมกันเวลาเจออีกคนใส่เสื้อผ้าสวยๆ เราก็จะรู้สึกภูมิใจที่บอกว่าเราใส่แบรนด์นี้ๆ ต่างประเทศอาจจะมีดารามาใส่ชุดให้แบรนด์นั้นแบรนด์นี้ แต่ Panicloset คือไม่ต้องสวยมาก คือทำให้คนรู้สึกจับต้องได้ คนทั่วไปใส่ได้ก็สวย เค้าจะได้ไม่มีคำถามว่าเฉพาะคนสวยใส่แล้วดูดีหรือเปล่า มันไม่ใช่ อีกวิธีการโปรโมตคืออาจจะแถมของแถมลงไปในสินค้า แอบเขียนโน๊ตให้ว่า ใส่แล้วสวยอย่าลืมถ่ายรูปมาให้ดูนะคะ ซึ่งมันเป็นพฤติกรรมของผู้หญิง ที่ใส่เสื้อผ้าแล้วสวย ซื้อของดีมีคุณภาพ ราคาไม่แพงแล้สวยดูดี ก็อยากลงรูปให้คนอื่นเห็น
ทำธุรกิจให้สำเร็จบนโลกออนไลน์
สิ่งที่ควรมีควบคู่แฟนเพจคือเว็บไซต์แฟนเพจเฟซบุ๊คมักจะเจอคอมเมนท์เยอะแยะมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก ต้องคุยอินบ็อกซ์ รอแอดมินตอบ แต่ทางเว็บไซต์คือไม่ต้องเยอะขั้นตอน เราจัดการหยิบสินค้าลงตะกร้า จ่ายตังผ่านบัตรได้เลย แถมได้เลือกสินค้าครบถ้วน ไม่ได้บอกว่าอย่างไรดีกว่ากัน ขึ้นอยู่กับความสะดวกของลูกค้า ไลน์ก็เป็นช่องทางที่สำคัญ บางคนมีไลน์ ไม่มีเฟซ บางคนติดต่อมาคุยทางไลน์ ให้เราส่งรูปภาพสินค้าไปให้ดู ตอนนี้ทาง Panicloset ขายได้ดีทุกๆ ช่องทาง
การรักษาฐานแฟนเพจให้เหนียวแน่น ลูกค้าคือพระเจ้า ใครที่เคยทำธุรกิจ ถ้าลูกค้ามีปัญหา อย่าหนีหน้า พยายามแก้ปัญหาให้เค้าทุกอย่าง ทำธุรกิจต้อง 1.ตาถึง มองว่าธุรกิจสินค้านี้จะสร้างรายได้มั้ย มีโอกาสเติบโตหรือเปล่า 2.ใจถึง เรากล้าตัดสินใจออกจากกรอบมาทำงานสิ่งนี้มั้ย 3.มือถึง เราต้อเก่งต้องทุ่มเท 3.เงินถึง ถ้าเก่งไม่มีเงินก็ยาก สุดท้าย ดวงต้องถึงด้วย