เนื้อหาโดย : โดดเด่นดอทคอม
ในยุคสมัยนี้ ไม่ว่าใครก็อยากหน้าตาดีทั้งนั้น บางคนแค่ลดน้ำหนัก หันมาดูแลตัวเอง ก็เปลี่ยนไป อย่างกับเป็นคนละคนกันเลย บางคนก็จำเป็นต้องพึ่งพาการศัลยกรรมเล็กๆน้อยๆ เพื่อให้ตัวเองดีขึ้น ในปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การมีรูปร่างหน้าตาที่น่ามองก็มักจะมีโอกาสมากกว่าเสมอ เช่นเดียวกับ น้องหน่อย ที่เปลี่ยนตัวเองไปมาก จนนึกว่าเป็นอีกคนหนึ่งไปเลย
น้องหน่อยมีความเชื่อว่ายังว่าคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองกันได้ แค่ เราพยายามและตั้งใจ ทำให้เริ่มที่จะหันมาดูแลตัวเอง โดยเริ่มตั้งแต่ “การกิน” เพราะที่บ้านเลี้ยงมาแบบ อยู่ดีกินดีมากไปหน่อย จึงเริ่มที่จะหันมาดูแลน้ำหนักก่อน โดยพึ่งพาอาหารเสริม ร่วมกับการออกกำลังกาย แม้น้ำหนักจะลดลงจริงๆ แต่ก็ลดได้ไม่เยอะ เพราะ ไม่ได้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
จนกระทั่งเข้า มอปลายก็อยากดูดีเป็นจุดสนใจของคนรอบข้าง เลยเสาะหายาลดความอ้วนทุกอย่าง ทั้งยาทาน, ครีมอาบน้ำลดน้ำหนัก, ครีมทาสลายเซลลูไลท์ และยาอื่นๆ อีกมากมายหมดเงินไปเยอะ โดยใช้ร่วมกับการ “อดอาหาร” สองวันกิน 1 มื้อ แต่ไม่เคยออกกำลังกายเลย ใช้เวลาประมาณ 1 เดือนลดไปได้ 18 กก. ร่างกายรู้สึกทรมานมาก
พอรู้ตัวว่าเริ่มผอมลงก็เริ่มที่จะชล่าใจ กลับมากินอีกครั้งกินแบบไม่มีหยุด เพราะอดอยากมานาน แต่ก็ยังพึ่งยาลดน้ำหนักอยู่ ปรับเปลี่ยนหลายยี่ห้อ เจอผลมากมายและก็กลับกลายเป็นเด็กอ้วนอีกครั้ง
เพราะเป็นคนที่กินเยอะตั้งแต่เด็กๆ จำความได้ว่าเคยน้ำหนัก 63 กก. เมื่อตอนอยู่ชั้น ป.4 หลังจากนั้นน้ำหนักก็ขึ้นเรื่อยๆ เคยลดสำเร็จเมื่อตอนอยู่ ม.ปลาย ก็จริงแต่ก็แค่ไม่กี่เดือน และมันวิธีการลดน้ำหนักที่ไม่โอเค ค่อนข้างทรมาน หน้าตาดูเหมือนคนเป็นโรค จนเพื่อนทัก “เป็นเอดส์หรือเปล่า” หรือ “เล่นยามาหรอ?” ซึ่งรู้สึกได้ว่าเราดูโทรมเกินไป แต่ช่วงปิดเทอม น้ำหนักก็กลับขึ้นมาอีก จนแตะเกือบ 90 กก. ในตอนเข้ามหาวิทยาลัย
แต่ลืมบอกทุกคนไปว่า น้องพึ่งยาลดน้ำหนัก กับ อาหารเสริมตั้งแต่ประมาณช่วง ม.2 และกินมาเรื่อยๆ นับยี่ห้อไม่ได้คงเป็นร้อยอะค่ะ (ขออนุญาตแทนตัวเองว่าน้องนะค่ะ ) อันนี้คือการท้าวความ 5555 เอาเป็นว่า เราก็บวมมาเรื่อยๆบวกกับโยโย่ ด้วย จนมาถึงประมาณ สามเดือนที่แล้ว เราไปชั่งน้ำหนักอ้าว 85 คือตกใจ
1. เวลาเราส่องกระจกตัวเรา เราก็บอกตัวเองทุกวันนะค่ะว่าเราก็เหมือนเดิม สวย เหมือนเดิม
2.ช่วงนั้นมีการเข้าทำกิจกรรมของมหาลัย ซึ่งมีการวอร์ม และเสียเหงื่อ แต่ไม่มากมายเราก็หลอกตัวเองว่า ชั้นเหนื่อยนะกินได้ กว่าจะเลิกกิจกรรมของมหาลัยเสร็จก็ ประมาณ สี่ทุ่มถึงห้าทุ่มแล้ว ออกมาจากมหาลัยก็จัด ข้าวมันไก่ หน้าโลตัส น้ำตกข้าวเหนียวบ้าง
หลังจากเข้ามหาลัยแล้ว ก็ได้เห็นรูปตัวเอง ซึ่งมันดึงสติเรากลับเข้าสู่โลกความเป็นจริงอีกครั้งหลังจากที่มโนมานาน ว่าตัวเองหุ่นดีแล้ว เพราะถ่ายรูปจากล้องหน้ามือถือหามุมสวยตลอด จึงเริ่มหันมาดูแลตัวเอง ออกกำลังกายโดยการวิ่งในมหาลัย เริ่มแรกวิ่งจาก หน้ามหาลัย ไปหลังมหาลัยและวิ่งกลับ และโหลดแอพจับระยะทางมาใช้ คือแอพ Runkeeper
จากหน้าม. ไปหลังม. ได้ระยะทางประมาณ 3 กิโล ในอาทิตย์แรก วิ่งไล่จาก 3 กิโลเมตรแล้วค่อยๆเพิ่มเป็น 4 – 5 – 6 – 7 – 8 – 9 และ 10 โดยวิ่งทุกวัน ท่องไว้แค่ “วิ่งให้มันผอม” ด้วยความกลัวว่าตัวเองจะขี้เกียจ จึงต้องตั้งนาฬิกาเตือนไว้ตลอดว่าถึงเวลาวิ่งแล้ว โดยช่วงแรกคงตัวที่ระยะ 6-10 กิโลเมตร ต่อวัน ตั้งแต่อาทิตย์ที่สองเป็นต้นมา จนถึงทุกวันนี้
หลายคนบอกว่าวิ่งหนักมาก บ้ามาก แต่เราก็บอกถ้าไม่ทำเมื่อไรจะสวย การออกกำลังกายไม่เคยให้ผลเสียใคร เอ๊ะบางคนต้อง งง ว่าวิ่งยังไงให้ 10 กิโล ก็วิ่งหน้ามหาลัยมาท้ายมหาลัย เจอที่จอดรถ สนามบาส สนามบอล สนามไรก็ได้ ก็วิ่งให้หมด วิ่งให้มันถึงระดับที่เราตั้งเอาไว้จากแอพ Runkeeper
จนคนรอบข้างทุกคน แม้แต่ตัวเองก็เริ่มเห็นถึงความแตกต่าง ความเปลี่ยนแปลงในระยะเพียงไม่นาน เริ่มมีสิ่งดีๆได้กลับมาทั้งดูดีขึ้น มีความมั่นใจขึ้น อีกทั้งไม่ต้องควบคุมอาหารเลย อาจมีแค่ทานแป้งน้อยลง ลดของทอดลงบ้าง รวมไปถึงน้ำอัดลม คอยเตือนสติตัวเองตลอดเวลาว่า กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เราเหนื่อยขนาดไหน
หลังจากที่ลดน้ำหนักได้แล้ว ก็หันมาดูแลส่วนของหน้าบ้างโดย การพึ่งพาการศัลยกรรม เพราะคนเราเกิดมามีทุนโครงหน้าไม่เท่ากันและไม่ได้เกิดมาแล้วดูดีตั้งแต่เกิด โดยเข้ารับการศัลยกรรมทั้งหมด 7 ครั้ง น้องหน่อยยอมรับว่าช่วงแรกๆที่เข้าศัลยกรรมนั้น แทบจะไม่รู้เกี่ยวกับข้อมูลการศัลยกรรมเลย
1. จมูก (ครั้งที่1) ทำเมื่อตอนอยู่ ม.6 ตอนนั้นยอมรับว่าไม่ได้ศึกษาอะไรมากมาย ด้วยงบไม่มาก แล้วช่วงนั้นการทำจมูก หรือศัลยกรรมยังไม่เป็นที่ยอมรับเท่าปัจจุบันนี้ คุณแม่เองก็ไม่ค่อยสนับสนุน แต่ก็พาไป
2. จมูก (ครั้งที่2) ครั้งนี้ทำการตัดปีกจมูกให้เล็กลง โดยอาศัยดูจากรีวิว คนอื่นๆซึ่งทำแล้วมันดูโด่งขึ้น
3. ทำตา 2 ชั้น
4. จมูก (ครั้งที่3) คราวนี้แก้ไขรูปทรงให้มันดูสวยขึ้น แต่ราคาแก้ค่อนข้างสูงกว่าตอนทำมาก และเป็นช่วงที่การศัลยกรรมกำลังมา มีหมอดังๆหลายคน ที่เริ่มรู้จักมาขึ้น
5. ทำคาง เพราะเป็นคนหน้ากลม เลยอยากให้หน้าดูยาวขึ้น
6. ปากกระจับ
สุดท้ายก็มีการดูแลผิว และสักคิ้ว 3 มิติ พัฒนาตัวเองจนดูดีขึ้นมาได้ ค่อยๆปรับเปลี่ยนตัวเองจนได้เป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบันนี้
ขอแค่เพียงมีกำลังใจ หรือแรงบันดาลใจ ที่จะพยายามดันตัวเองให้ดูดีขึ้น แม้จะต้องพึ่งการศัลยกรรม เพราะต้นทุนไม่ได้ดีมาตั้งแต่เกิด แต่เราก็สามารถที่จะปรับเปลี่ยนมันได้ พัฒนาตัวเอง โดยเฉพาะการลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกาย ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดมากกว่าการพึ่งพายา หรือการอดอาหาร เพราะร่างกายดูสุขภาพดีแจ่มใส และมีความสุขมากขึ้น