เพราะสุขภาพที่ดีและยั่งยืน คือหนึ่งพันธกิจหลักของมูลนิธิรามาธิบดีฯ ในการช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ให้เข้าถึงการรักษา ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสูงสุดระดับประเทศ
อย่างกรณี น้องพั้นซ์ เด็กน้อยอายุ 11 ปี ผู้ป่วยโรคมะเร็งกระดูกขาซ้ายที่ได้รับผ่าตัดแบบใหม่ โดยไม่ต้องตัดขาซ้ายทิ้ง ซึ่งใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 14 ชั่วโมง
ผศ.นายแพทย์ อดิศักดิ์ นารถธนะรุ่ง หัวหน้าหน่วยเนื้องอกกระดูก ภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า 3 เดือนก่อนมาโรงพยาบาล ผู้ป่วยได้รับอุบัติเหตุจักรยานล้มทับเข่าซ้าย
จากนั้นสังเกตเห็นว่าเข่าซ้ายบวมมากขึ้น และปวดมากโดยเฉพาะเวลากลางคืนจนต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง แต่อาการโดยรวมยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ผลเอ็กซเรย์พบความผิดปกติที่กระดูก แพทย์สงสัยว่าจะเป็นมะเร็งกระดูก
ซึ่งหากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการรักษา อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต และโรงพยาบาลรัฐแห่งนั้นไม่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งกระดูก ผู้ป่วยจึงถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อตรวจอาการอย่างละเอียดอีกครั้ง
ภายหลังจากที่แพทย์ได้ตรวจดูอาการของโรคอย่างละเอียดแล้ว จึงทำให้ทราบว่าผู้ป่วยกำลังป่วยเป็น “โรคมะเร็งกระดูกขาซ้าย” ทีมแพทย์ได้พิจารณาแล้วมีความเห็นว่าผู้ป่วยรายนี้สามารถผ่าตัดเก็บขาได้
ซึ่งการรักษาโรคมะเร็งชนิดนี้ จะต้องผ่าตัดเอาส่วนที่เซลล์มะเร็งลุกลามออกไปทั้งหมด เพื่อรักษาขีวิตของผู้ป่วยเอาไว้ นับว่าเป็นโชคดีที่ผู้ป่วยได้มาพบกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่สามารถรักษาโรคนี้ได้โดยการใช้เทคโนโลยีการผ่าตัดแบบใหม่ทำให้ไม่ต้องตัดขาด้านซ้ายทิ้ง
โดยทีมแพทย์ได้ทำการผ่าตัดเอากระดูกเดิมที่เป็นมะเร็งกระดูกที่บริเวณขาซ้ายออกทั้งหมด และทดแทนด้วยข้อเทียมชนิดพิเศษ โดยใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดทั้งสิ้น 14 ชั่วโมง และยังคงมีการให้ยาเคมีบำบัดอย่างต่อเนื่องหลังผ่าตัด
เด็กหญิงนันท์นภัส ทับทิมศรี (น้องพั้นซ์) อายุ 11 ปี ผู้ป่วยโรคมะเร็งกระดูกขาซ้าย ที่ได้รับผ่าตัดแบบใหม่ โดยไม่ต้องตัดขาซ้ายทิ้ง ซึ่งใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 14 ชั่วโมง กล่าวว่า “ขอบคุณทีมอาจารย์ทุกท่าน ที่อาจารย์หมอใช้การรักษาด้วยวิธีและเทคโนโลยีใหม่ครั้งนี้ แทนการตัดขาซ้ายหนูทิ้ง และต้องขอบคุณมูลนิธิรามาธิบดีฯ และงานสังคมสงเคราะห์ค่าข้อเทียมชนิดพิเศษ ที่มีราคาสูงเกือบ 4 แสนบาท
รวมไปถึงทีมแพทย์ที่เข้ามาดูแลรักษาสุขอนามัยที่อยู่อาศัยและช่วยสนับสนุนในการซ่อมแซมบ้าน เพื่อให้หนูและครอบครัวมีสุขภาพกาย สุขภาพใจ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อยากขอบคุณทุกท่านที่ทำให้หนูและครอบครัวมีความสุข ถือเป็นการสร้างโอกาสในชีวิตครั้งใหม่ให้กับหนูอีกด้วย”
ด้าน คุณย่าวงเดือน ทับทิมศรี กล่าวเสริมว่า “วันนี้คงต้องอยู่ในสภาพที่หดหู่ใจเมื่อเห็นน้องพั้นซ์เจ็บปวดกับโรคมะเร็งกระดูกขาซ้ายครั้งนี้ ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาน้องพั้นซ์
เพราะเรื่องค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ทางครอบครัวไม่มีเงินที่จะรักษาชีวิตน้องพั้นซ์ได้อย่างแน่นอน และจะสั่งสอนน้องพั้นซ์ให้มุ่งทำประโยชน์ให้แก่สังคมต่อไป ขอบคุณทุกท่านจริงๆ”