ปลาแซลมอน เป็นสัตว์เลือดอุ่น ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติคเหนือ ที่มีอุณหภูมิน้ำต่ำกว่า -30 องศาเซลเซียส แต่ต้องอพยพว่ายทวนกระแสน้ำจากมหาสมุทรเข้าสู่แม่น้ำ กระโดดข้ามเกาะแก่ง ฟันฝ่าอุปสรรค อันตรายมากมาย อาทิเช่น ระยะทางไม่ต่ำกว่า 1,000 กิโลเมตร , ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 1 เดือน โดยไม่ได้กินอาหารเลย แต่จะใช้ไขมันที่สะสมอยู่ในตัวจากการกินแพลงตอนกับสาหร่ายทะเลเป็นอาหารในช่วงที่อยู่ในมหาสมุทรเป็นพลังงานในการเดินทาง
อีกทั้งยังมีศัตรูเป็นหมีสีน้ำตาลที่จ้องจะจับกินเป็นอาหาร แต่สัตว์ชนิดนี้ก็ไม่ละความพยายามว่ายทวนน้ำมายังแม่น้ำที่เป็นถิ่นกำเนิด เพียงเพื่อการสืบพันธ์ ทำการวางไข่ (Anadromous) ให้กำเนิดให้ลูกหลานของตัวเอง แล้วจบชีวิตในเวลา 1 สัปดาห์ โดยวิถีชีวิตของสัตว์เหล่านี้มีมาตั้งแต่โบราณและดำเนินมาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งกว่าจะถึงขั้นตอนดังกล่าว แซลมอนทั้งสองเพศจะต้องมีความแข็งแรง สมบูรณ์ มากพอให้ผ่านอุปสรรคมากมายเหล่านั้นมาได้ สิ่งสำคัญที่ทำให้แซลมอน มีความสามารถดำรงชีวิตอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้
ตลอดเวลา อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญและคุณประโยชน์มากมาย คือ ในช่วงที่ใช้ชีวิตอยู่ในทะเลแซลมอนจะกินแพลงตอนและสาหร่ายทะเลเป็นอาหารหลักในการเก็บสะสมเป็นไขมันไว้ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นและใช้ออกเดินทาง มีถิ่นกำเนิดเป็นแหล่งน้ำที่บริสุทธิ์ ไม่มีมลพิษ สะอาด และมีออกซิเจนสูงนั่นเอง
มนุษย์ผู้แสนชาญฉลาดได้มองเห็นคุณค่าในสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น จึงนำนาโนเทคโนโลยีในปัจจุบันสกัดสารสำคัญหลายชนิดจากปลาแซลมอน เพื่อมาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมด้านอาหาร สุขภาพ ความงาม อาธิเช่น คอลลาเจนจากไข่ปลาแซลมอน โปรตีนจากรกหรือรังไข่ปลาแซลมอน แต่ที่จะมานำเสนอและเป็น New innovation ในวงการความงาม คือ สารสกัดโซเดียมดีเอ็นเอจากอสุจิจากปลาแซลมอน
ตัวอย่างฟาร์มปลาแซลมอน เพื่อใช้ในการผลิตอสุจิปลาแซลมอน ภาพจาก ptcdn.info
ซึ่งได้มีการค้นพบ โซเดียมดีเอ็นเอในเนื่อเยื่ออวัยวะสืบพันธ์ของปลาทะเลตัวผู้มาก่อนหน้านี้ จากบทความงานวิจัย Antiaging Effects of a Skin Repair Active Principle ( L. Rigano and C. Andolfatto Laboratori , F. Rastrelli, November 2006) ได้ยืนยันว่าสารสกัดเฉพาะโซเดียมดีเอ็นเอ ในเนื่อเยื่ออวัยวะสืบพันธ์ของปลาทะเลตัวผู้ เปรียบเสมือนสมองของเซลล์ที่เข้าไปช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการถอดรหัสพันธุกรรมของเซลล์ต้นแบบให้ผิวเรากลับคืนสู่ความสมดุล อ่อนเยาว์อีกครั้ง
ดังนั้น จึงได้มีการพัฒนานำ Sodium DNA จากส่วนที่เป็นอสุจิของปลาแซลมอน เลือกมาเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ และทำการทดลองในแล็บแห่งหนึ่งซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีประสบการณ์ด้านการวิจัยและพัฒนามากกว่า 30 ปีที่สำคัญ ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้ทั่วโลก ได้ผลการทดลองว่า Sodium DNA คือตัวกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อฟื้นฟูเซลล์ผิวใหม่ เพิ่มความชุ่มชื้น กระชับ ยืดหยุ่น และลดเลือนริ้วรอยให้แก่ผิว
โดยได้สกัดจากทั้งจากปลาแซลมอนตัวผู้และไข่ปลาแซลมอนระยะแรกออกมา กว่าที่ปลาแซลมอนจะได้เกิดมาแต่ละตัวนั้นมีข้อจำกัด และความยุ่งยากซับซ้อนหลายประการ ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ทั้งนี้เพื่อลดข้อจำกัดต่างๆลงและความสะดวกในการผลิต
จึงได้มีการสร้างฟาร์มปลาแซลมอนเพื่อคัดเลือกปลาที่สมบูรณ์ และสกัดอสุจิของปลาแซลมอนทั้งจากตัวปลา และจากการผสมเทียม เพื่อให้ได้ Sodium DNA ออกมา แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติของปลาแซลมอนไว้เหมือนเดิม เช่น อุณหภูมิ ปริมาณ ออกซิเจนที่ละลายในน้ำที่อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และปราศจากความเครียด เป็นต้น
แน่นอนเลยว่า ขึ้นชื่อว่า อสุจิปลาแซลมอน ต้องสกัดมาจากธรรมชาติ โดยธรรมชาติได้สร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดเสมอ คุณสมบัติสำคัญของอสุจิปลาแซลมอนที่มีการวิจัยมาแล้ว จึงสรุปประโยชน์ที่มีต่อมนุษย์เราได้ ดังนี้
แน่นอน ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่แปลกใจที่ตอนนี้ได้รับการยอมรับจากเหล่า พริตตี้ บล็อกเกอร์ เซเลบ ดารา ที่แห่กันเรียกหาแต่ “อสุจิแซลมอน” กันเป็นอย่างมากในขณะนี้
ไว้พบกับบทความหน้า ซึ่งอาจจะเป็นการเผชิญหน้าของฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ( อสุจิกับรังไข่แซลมอน ) ว่าสองสิ่งนี้แตกต่างหรือเหมือนกันอย่างไร ซึ่งบอกได้เลยว่าไม่มีอะไรแรงเท่ากับเรื่องการผสมพันธุ์( ของปลาแซลมอน )ได้อีกแล้ว
ตอนนี้ แต่แอบเอนใจไปทางพลังของฝ่ายชาย ว่าอาจจะมีประสิทธิภาดีกว่า เพราะขนาดมนุษย์สเปิร์มตัวเมียจะทนทาน วิ่งช้าและอ้วนกว่าสเปิร์มตัวผู้ที่ตัวเล็กปราดเปรียว และวิ่งเร็วกว่านะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตว่าจะดึงคุณภาพของสิ่งนั้นมาใช้ประโยชน์มากน้อยแค่ไหนด้วย หากสนใจเรื่องของปลาแซลมอนต่อ ไว้พบกันคราวหน้านะคะ see you.
ข้อมูลจาก : mesoestetic, beauty24store, jgbthai