ที่มา: Matichon Online

นางชุติมา เพชร์รัตน์ ปลัดเทศบาลตำบลปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ได้เดินทางไปเยี่ยมครอบครัวของนางรอปีอ๊ะ มะลี อายุ 41ปี ในต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส บ้านหลังสีเขียว หน้าบ้านเปิดจำหน่ายอาหารประเภทก๋วยเตี๋ยว(เส้นทางเลี่ยงเมืองถนนทรายทอง) ซึ่งดูภายนอกก็เป็นร้านอาหารปกติ แต่เมื่อเข้าไปภายในบ้าน ได้พบกับชายหนุ่มที่นอนติดเตียงในสภาพที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ 

159

นางรอปีอ๊ะ กล่าวว่า ลูกชายที่นอนรักษาตัวอยู่นี้ชื่อ นายอีซูวัน มามะ อายุ 20 ปี ก่อนหน้านี้เป็นเด็กที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงดี แต่ช่วงที่เข้ามัธยมศึกษาปีที่4 โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ จ.ยะลา ได้ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มจนศีรษะฟาดพื้น สมองได้รับความกระทบกระเทือนกลายเป็นผู้ทุพพลภาพ ทุกวันนี้สิ่งที่ต้องทำทุกวัน คือ ทำกายภาพบำบัด โดยจะนวดตามแขน ขา ทำความสะอาดช่องคอที่ถูกเจาะ ช่วยการขับถ่ายโดยการล้วงเข้าไปดึงอุจจาระออกมาจากก้น เนื่องจากบุตรชายไม่สามารถขับถ่ายเองได้ หลังบุตรชายประสบอุบัติเหตุได้ปีกว่า สามีก็หย่าร้าง ทำให้ต้องต่อสู้ดิ้นรนด้วยตัวเองกับภาระที่แบกไว้เต็มบ่า นั่นคือการหาเงินเลี้ยงดูครอบครัว ที่มีบุตรชาย2คนและบุตรสาวอีก1คนมาถึงวันนี้ก็กว่า4ปีแล้ว

นางรอปีอ๊ะกล่าวด้วยว่า ทุกๆวัน จะออกไปตลอดตั้งแต่ช่วงเช้าประมาณ 05.30น. หลังจากนั้นจะเตรียมของเพื่อเปิดร้านในช่วงเวลา 09.00น. ในระหว่างนั้นก็ต้องแบ่งเวลาไปส่งบุตรสาวที่โรงเรียน แล้วกลับมาดูแลบุตรชายที่นอนป่วยติดเตียงโดยมีบุตรชายคนโตที่ต้องออกจากเทคนิคยะลา มาช่วยแม่ค้าขายและดูแลน้อง เพราะแม่ส่งเรียนต่อไม่ไหว ซึ่งขณะนี้แม้จะหมดภาระการส่งเสียบุตรชายคนโต แต่ก็ยังมีภาระค่าใช้จ่ายของบุตรชายคนรองที่นอนป่วยติดเตียงอยู่ เพราะเค้าไม่สามารถดูแลตัวเองได้ อาหารก็ไม่สามารถรับประทานแบบปกติได้ เพราะร่างกายรับแต่นม ซึ่งมีเพียงยี่ห้อเดียวที่ดื่มแล้วไม่แพ้ ซึ่งต้องใช้สัปดาห์ละ1ถุง ถุงละ800บาท และแพมเพิร์สแบบพิเศษ สำหรับรองก้น ยาก็เป็นยาเฉพาะที่ต้องไปรับที่ยะลาเท่านั้น ซึ่งเฉพาะของบุตรชายคนนี้ก็ต้องใช้ประมาณ 7,000บาทต่อเดือน อีกทั้งค่าเช่าบ้านเดือนละ3,500บาทและค่าใช้จ่ายของบุตรสาวคนเล็กอีก ทำให้แต่ละเดือนรายได้ที่หามาได้จากขายก๋วยเตี๋ยวแทบจะไม่พอใช้จ่าย

160

อย่างไรก็ตาม นางรอปีอ๊ะกล่าวว่า โชคดีที่ฟ้ายังมีตา เพราะหลังจากที่เดินทางไปรับยาที่จ.ยะลาอยู่บ่อยครั้ง จึงได้พบกับอาจารย์หมอท่านหนึ่ง ที่ทราบถึงความทุกข์ยากของตน จึงได้ทำเรื่องถวายฎีกาเพื่อขอเป็นคนไข้ในพระบรมราชูปถัมภ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อ3เดือนที่แล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งครอบครัวตนเองก็ยังคาดหวังที่จะได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ท่านเพราะทุกวันนี้สู้ด้วยสองมือแม่เพียงลำพังจนรู้สึกเหนื่อยและท้อแท้

ด้านนายอิสมาแอ มามะ อายุ23 ปี บุตรชายคนโตของนางรอปีอ๊ะ มะลี กล่าวถึงความรู้สึกที่มีต่อผู้เป็นแม่ว่า แม่คือผู้หญิงเก่งและแกร่ง แม่ทำทุกอย่างเองตั้งแต่น้องป่วย มือหนึ่งต้องทำงานเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของ4ชีวิตในครอบครัว เพื่อให้ลูกอิ่ม ส่วนอีกมือต้องช่วยดูแลอาการเจ็บป่วยของน้อง ซึ่งหากดูจากสภาพร่างกายน้องแล้ว แทบจะหมดหวังกับการรักษา แต่แม่ก็ไม่เคยหยุดที่จะทำกายภาพบำบัดให้น้อง หลังจากปิดร้านเวลาหลังจากนั้นจนกระทั่งถึงเช้าอีกวัน คือเวลาที่แม่ให้ลูกที่เจ็บป่วย แม่ไม่เคยพูดว่าเหนื่อยให้ได้ยิน แต่ลูกๆรู้สึกได้ด้วยตัวเอง “เมื่อก่อนผมเป็นเด็กเกเรมาก ติดยาด้วย แต่เมื่อถึงวัยหนึ่งก็หยุดทุกอย่างเพราะการเรียนดนตรี และเห็นความลำบากของแม่ที่ต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัวเพียงลำพังโดยไม่ได้การเหลียวแลจากพ่อ ทำให้ลูกอย่างผมต้องปรับปรุงตัวเอง และมาช่วยแม่ทำงานอีกแรงหนึ่ง 

นายอิสมาแอกล่าวอีกว่า ในวันนี้สำหรับตนเองได้รับโอกาสครั้งสำคัญในชีวิต โดยได้รับทุนการศึกษาไปเรียนเป็นผู้ช่วยพยาบาล1ปี แต่ท่ามกลางโอกาสนี้ก็ยังมีอุปสรรคอีกมาก เพราะ แม่คงไม่มีเงินมากพอที่จะส่งเสียค่าอาหารการกินและค่าที่พักได้ แต่ในเรื่องนี้ตนเองได้วางแผนว่าจะหางานทำระหว่างเรียนไปด้วย เพราะยังหวังว่าจบมาแล้วจะได้มาช่วยแบ่งเบาภาระแม่ในการดูแลน้องชาย หากตนไปเรียน แล้วใครจะมาทำหน้าที่คอยช่วยแม่ค้าขาย และช่วยอุ้มน้องลงจากเตียงมาอาบน้ำ ทุกวันนี้ผมกับแม่ต้องช่วยกันอุ้ม ถึงจะนำลงมาได้ ซึ่งผมเครียดและกังวลเรื่องนี้มาก

ทั้งนี้ นายอิสมาแอกล่าวว่า ผมรักแม่ และสงสารแม่มาก สำหรับแม่ของผมไม่เคยมีวันหยุดตลอด24ชั่วโมง ทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน ทุกวันของแม่ คือ การดูแลลูก วันฮารีรายอที่พี่น้องมุสลิมจะไปเยี่ยมญาติ ไปท่องเที่ยว ไปพักผ่อน แม่ไม่เคยรู้จักวันเหล่านี้ แม่ไม่เคยได้ไปไหน 1วันของทุกๆวันของแม่ คือ ไปตลาด เปิดร้าน ส่งน้องคนเล็กไปโรงเรียน ดูแลน้องที่ป่วย เดินทางไปยะลาเพื่อรับยาและซื้อของใช้จำเป็นสำหรับน้อง เราเคยหวังที่จะให้พ่อซึ่งคงรับทราบถึงความเดือดร้อนของพวกเรา แต่สุดท้ายก็ได้พูดกับแม่ว่า เมื่อเขาไม่สนใจ “เราก็สู้กันเองก็ได้ครับแม่” ซึ่งผมช่วยแม่ได้เพียงเศษเสี้ยวที่แม่ทำให้พวกผม หากมีโอกาสก็อยากหารายได้แบ่งเบาภาระของแม่ และหากมีผู้ใจบุญอยากจะช่วยเหลือ ก็ขอเป็นนมและแพมเพิร์สของน้องครับ

เรื่องน่าสนใจ