มหาวิทยาลัยเอกชนด้านศิลปศาสตร์ 2 แห่งในประเทศ ได้ตัดสินใจเข้ามามีส่วนร่วมแก้ปัญหานี้ โดยตัดลดกำไรลง โดยใช้ชื่อในการร่วมมือว่า ‘Tuition Reset’
มหาวิทยาลัยยูทิกาในนิวยอร์ก ประกาศลดค่าเทอมในปีหน้าลงรวดเดียวถึงร้อยละ 40 จาก 34,000 ดอลลาร์ เหลือ 20,000 ดอลลาร์ หรือ 705,000 บาทต่อปี ส่วนมหาวิทยาลัยโรสมอนต์ ในเพนซิลเวเนีย ลดค่าเทอมจาก 33,000 ดอลลาร์ เหลือ 18,500 ดอลลาร์ หรือ 650,000 บาท
แม้ว่าจะยังเป็นราคาที่ฟังดูแพงจนน่าตกใจอยู่ดี แต่ความเคลื่อนไหวนี้ก็ถือว่าสวนกระแสกับการขึ้นค่าเทอมแบบไม่หยุดยั้งของสถานศึกษาทั่วสหรัฐฯ จนทำให้สหรัฐฯกลายเป็นประเทศที่มีอัตราค่าเล่าเรียนสูงติดอับดับโลก จนก่อให้เกิดปัญหาหนี้การศึกษา ที่เป็นภาระใหญ่ของทั้งรัฐบาลและประชาชนที่ต้องใช้หนี้รัฐนานหลายสิบปีนับจากเรียนจบ
ทั้งสองมหาวิทยาลัยเรียกการลดค่าเทอมครั้งนี้ว่า “Tuition Reset” หรือการตั้งค่าค่าเทอมใหม่ให้เหมาะสม เนื่องจากผลการศึกษาวิจัยพบว่านับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา ค่าเทอมในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า แต่รายได้เฉลี่ยของครอบครัวชาวอเมริกัน แทบจะไม่เพิ่มขึ้นเลย เพราะฉะนั้นการตั้งค่าค่าเทอมใหม่ จึงเท่ากับการทำให้ชาวอเมริกันยังสามารถได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ โดยไม่ต้องกู้หนี้ยืมสิน