เชื่อว่าหลายคนต้องเคยถ่ายภาพเซลฟี หรือการถ่ายรูปตัวเองแล้วโพสต์ลงไปในโซเชียลมีเดีย ซึ่งการเซลฟีนี้ได้กลายเป็นวัฒนธรรม ที่ส่งอิทธิพลจนหลายวงการ รวมถึงแวดวงฮอลลีวูด กำลังนำมาใช้เป็นอีกหนึ่งช่องทางโฆษณาผลงานของตนด้วย
โฆษณาตามหน้าจอโทรทัศน์ หรือบนสิ่งพิมพ์ต่างๆ ไม่ใช่มหาอำนาจที่ควบคุมการตัดสินใจของผู้บริโภคอีกต่อไป เมื่อวัฒนธรรมการเซลฟี ได้พัฒนาจนมีบทบาทในหลากหลายวงการ ส่งอิทธิพลผ่านโลกออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดีย รวมไปถึงวงการอุตสากรรมภาพยนตร์อันดับหนึ่งของโลกอย่างฮอลลีวูด
อลิซซา ลิปส์คีย์ นักวิเคราะห์การตลาดบอกว่า ปัจจุบันดารานักแสดงแทบทุกคนของฮอลลีวูด ใช้เซลฟีเป็นเครื่องมือในการเข้าถึงกลุ่มผู้ชม รวมไปถึงบรรดาเซเลบริตี้มากมาย ที่ต่างมีชื่อเสียงขึ้นมาจากโลกออนไลน์ ผ่านยูทูบ หรืออินสตาแกรม ทำให้ตอนนี้เหล่าทีมการตลาดได้หันมาทุ่มเทให้กับการทำโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดีย มากกว่าบนจอโทรทัศน์ไปแล้ว
ผลสำรวจของสถาบันวิจัยพิวเมื่อปี 2014 ระบุว่า ผู้คนในช่วงอายุระหว่าง 18-33 ปี มากกว่าร้อยละ 55 ล้วนมีพฤติกรรมการถ่ายรูปเซลฟี แล้วแชร์ต่อในโลกออนไลน์ โดยหากย้อนกลับไปนานกว่านั้นอีก 1 ปี พจนานุกรมอ๊อกซฟอร์ดก็ได้จัดให้คำว่าเซลฟี เป็นคำแห่งปี การันตีความมีอิทธิพลของการถ่ายรูปตัวเองอย่างแท้จริง
หนึ่งในผู้ที่ช่วยยืนยันความสำเร็จบนโลกออนไลน์ ก็คือคิม คาดาร์เชียน เซเลบริตี้คนดังที่มียอดผู้ติดตามในทวิตเตอร์ มากกว่า 36 ล้านรายชื่อ และอีกกว่า 50 ล้านรายชื่อบนอินสตาแกรม จนพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดาม ทุซโซ ต้องทำหุ่นขี้ผึ้ง เป็นรูปเธอกำลังทำท่าเซลฟีให้โดยเฉพาะ
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยว่าผู้ควบคุมการผลิต ได้ทำสัญญากับนักแสดงในสังกัด ที่ระบุว่าจะต้องมีการโพสต์ภาพเซลฟี พร้อมกับข้อความโฆษณาผลงาน หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆที่เขาเหล่านั้นมีส่วนร่วมลงบนโซเชียลมีเดียด้วยเช่นกัน ซึ่งนับว่าให้ผลตอบแทนที่เกินคุ้ม แต่ก็ไม่ใช่ว่าวิธีนี้จะมีแต่เพียงข้อดี เมื่อมักมีภาพหลุดของภาพยนตร์ หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ยังไม่ต้องการเปิดเผย ออกไปในโลกออนไลน์บ่อยครั้ง และแน่นอนว่า ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถควบคุมได้