หมอไม่ค่อยแนะนำเรื่องการฉีดฟิลเลอร์ เพราะมันอยู่ได้ไม่นาน และมันไม่สามารถแก้ปัญหาได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนการผ่าตัด ถ้าฐานกระดูกไม่ดี ฉีดยากนะ ฉีดให้สวยยากมาก อยู่ได้ไม่นานต้องฉีดใหม่
เป็นบริเวณเดียวบนใบหน้าเลยที่ไม่สมควรจะผ่าตัด เพราะเวลาผ่าตัดออกมาเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ดูไม่ธรรมชาติ ผ่าคางไม่ธรรมชาติเอามากๆ ดูออกว่าทำคางมา คือการทำคางหมอจะใส่ซิลิโคนแท่งเข้าไป มุมจะป้าน กว้าง เวลาพูด และขยับปากจะเห็นชัด และหากผิวหย่อนคล้อยลงมาจะไม่รับกัน มีจุดให้สังเกตเยอะมาก
แต่ถ้าฉีดก็ต้องมีเทคนิคการฉีดที่ดีมิฉะนั้นจะดูเป็นแม่มดห้อยย้อย ปัจจุบันเทคนิคการฉีดพัฒนาขึ้น ตัวยาดีขึ้น ความเป็นธรรมชาติสูงขึ้น ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์ที่คางสวยกว่าแน่นอน และอยู่นาน
จนต้องไปดึงหน้า อันนี้ก้ำกึ่ง หน้าหย่อนคล้อยถ้าอายุมากกลัวการผ่าตัด ลองมาทำเทคนิคด้วยการใช้ฟิลเลอร์กับไหมควบคู่กัน ผลที่ได้รับดีมากถ้าไม่ได้หน้าหย่อนเยอะ เหมาะสำหรับคนอายุต่ำกว่า 60 ปี แต่หากอายุ 70-80 ปี เริ่มยาก
ในอดีต 3-4 ปีก่อน คนไข้มาผ่าตัดดึงหน้าเยอะมาก พวกนี้ล้มเหลวหมดเลย คือ หนึ่ง-ผลที่ได้ไม่เป็นไปตามต้องการ สอง- เกิดรอยแผลที่ไม่สวยงามต้องเอาผมมาปิดไว้ ศัลยแพทย์เก็บแผลได้ไม่เนียนมากพอ และที่ตกใจคือ อายุแค่ 38-40 ปีเท่านั้น ผิวหน้ายังดีอยู่ อายุขนาดนี้ไม่ควรผ่าตัด
คือ ต่ำกว่า 45 ปี หมอไม่แนะนำให้ผ่าตัดดึงหน้า ใช้เทคนิคอื่นดีกว่า เช่น ฉีด หรือร้อยไหม เป็นธรรมชาติกว่า ปลอดภัย เพราะการผ่าตัดเมื่อลงมีดกรีดผิวเมื่อไหร่ จะไม่มีวันคืนเหมือนเดิมอีกต่อไป แต่การฉีดมันสามารถเรียกกลับคืนสู่สภาพได้หมด สามารถปรับได้ตลอดเวลา ทำทีละเล็กละน้อย คนไข้ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องเสี่ยง
ในปัจจุบันการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมวัสดุเช่นซิลิโคนจะดีกว่าการฉีดฟิลเลอร์ เพราะต้องใช้ปริมาณมาก และราคาแพง ต้องฉีดบ่อยๆ
ดังนั้นการทำศัลยกรรมตรงไหนควรผ่าตัดหรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์ดีที่สุด แน่นอน เราต้องศึกษาหาข้อมูลกลางๆ ไว้ก่อน และต้องเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย”
ขอบคุณ ข้อมูลโดย นพ.พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ
ที่มา : www.manager.co.th/celebonline