สุดสะเทือนใจกับหัวอกผู้เป็นแม่อย่างคุณหลิน เศรษฐีนี 100 ล้านด้วยวุฒิการศึกษาเพียงแค่ ป.6 นอนกอดลูกน้อยวัย6ขวบ ผ่าตัดเปลือกตาบน แพทย์ชี้ โอกาสรอดเพียง 50/50 แต่ถ้าไม่ผ่าตัดลูกน้อยก็จะตาบอดไปทั้งชีวิต
โดย คุณหลิน เปิดเผยชีวิตรัดทนสุดเศร้าว่า ตนได้ก่อร่างสร้างตัวจากลูกจ้างล้างจานในร้านอาหารค่าจ้างวันละ 200 บาท ต่อสู้ดิ้นรน ตัดสินใจทิ้งลูกทิ้งผัวออกจากบ้านเพราะทนอิทธิฤทธิ์แม่ผัวเหยียดหยามสะใภ้คนจนลูกอีสาน ไม่ไหว
ตอนนั้นพกเงินติดตัวแค่ 1 พันบาท ตั้งปฏิธานไว้ ถ้าไม่รวยจะไม่หันหลังกลับไป สุดสะอื้นกอดลูกน้อย “แม่รวยแล้วจะกลับมารับ”
“ชีวิตหลินเริ่มต้นจากเป็นเด็กอีสานบ้านนอก มีพี่น้อง2คน ฐานะทางบ้านยากจน เรียนจบแค่ ป.6 เพราะไม่มีเงินเรียนต่อ พอจบป.6 ก็ออกจากโรงเรียนช่วยพ่อแม่ทำงานก่อสร้าง ได้แค่แรงไม่กี่บาท
พี่ต้องไปเก็บผักเน่าๆที่แม่ค้าคัดทิ้ง แล้วหลินก็เอามาคัดใหม่ ตัดใบที่เน่าๆทิ้งเอาส่วนที่ดีไว้ แล้วก็เอามามัดรวมขายกำละบาทสองบาท ไปขายในบ้านพักคนงานก่อสร้าง พี่ทำแบบนี้ทุกวันจนแม่ค้าในตลาดสงสารเก็บผักที่คัดทิ้งแล้วเอาให้เรา
พอโตขึ้นมาเริ่มมีความรัก สมัยสาวๆพี่ก็คงจะสวยไม่คิดว่าตัวเองจะมีผัวเป็นตำรวจ ตอนนั้นเราก็รู้สึกภูมิใจจังนี่ขนาดเราไม่ใช่ลูกคนรวย เราไม่ใช่ถูกเถ้าแก่โรงสีนะ แต่ก็หาผัวเป็นตำรวจได้ คือต้องบอกก่อนคนบ้านนอกแถบอีสาน ถ้าใครได้ผัวเป็นคนมีสีมันก็จะดูโก้
พอหลินย้ายเข้ามาอยู่บ้านแม่ผัว อยู่ที่จังหวัดอุทัยธานี ความฝันที่เราตั้งไว้พังทลายหมด มันไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด แม่ผัวไม่เคยชอบเราเลย ดูถูกเหยียดหยามหาว่าเราจน
ไม่เคยคิดที่จะจัดงานแต่งให้ อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ไป หลินต้องทนอยู่กับคำดูถูกเหยียดหยามอีลูกลาวบ้างละ คนจนบ้างละ ไม่มีการศึกษาบ้าง หาว่าสามีเราตาบอดไปคว้าใครมาทำเมีย ไอ้ผัวเราก็ไม่คิดจะพูดอะไรสักคำ
ทนอยู่จนมีลูกด้วยกัน 3 คน จนมาถึงฟางเส้นสุดท้าย หลินให้แฟนไปกู้เงินมาให้เพื่อลงทุนค้าขาย แม่ผัวก็มาด่า หาว่าเราผลาญเงิน ตัวแม่ผัวเองเลี้ยงลูกของเขามาไม่เคยทำให้ลูกเขาเดือดร้อน เราเป็นใครทำไมเข้ามาทำให้ชีวิตลูกของเขาตกต่ำ
“เชื่อไหมนั่นเป็นคำดูถูกสุดท้ายที่หลินตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าเข้ากรุงเทพมีเงินติดตัวแค่พันเดียว บอกกับผัวว่าไม่อยู่แล้ว เลี้ยงลูกให้ดีแล้ววันหนึ่งจะกลับมารับลูกไปเลี้ยงเอง”
เราก็คิดว่าผัวเราจะตามมาง้อ ยังไงเราก็เป็นแม่ของลูกเขา แต่เปล่าเลย เขาเลือกแม่ของเขา เขายอมที่จะเลิกกับเราแล้วไปอยู่กับผู้หญิงคนใหม่ บอกตามตรงพี่เสียใจมากๆ ร้องไห้ทุกคน ผิดหวัง โลกถล่ม แต่ไม่ท้อฉันต้องสู้ตั้งปฏิธานไว้ถ้าไม่รวยจะไมหันหลังกลับไป
พอมาอยู่กรุงเทพก็มาอาศัยอยู่กับพี่สาว ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ จบแค่ ป.6 เห็นร้านอาหารรับสมัครเด็กล้างจาน ก็เลยไปสมัครค่าจ้างวันละ สองร้อยบาท ล้างไปร้องไห้ไปเพราะเจ็บมือ แพ้น้ำยาล้างจานแพ้ผงซักฟอกจนมือเน่ามือเปื่อย แต่ก็ต้องทนไปหาถุงมือมาใส่
พอเงินเดือนออกได้เงินประมาน 6 พัน จ่ายโน่นนี่ไปก็เหลือ 4-5พัน ก็เอามาลงทุนขายซาลาเปาต่อ คือกลางวันขายซาราเปา กลางคนรับจ้างล้างจาน ทำทุกอย่างที่ได้เงินเพื่อที่จะไปรับลูกมาอยู่ด้วยกัน
จนเราเห็นคนขายของในเฟสบุ๊ค เราก็อยากมีรายได้เสริมบ้าง ให้เด็กที่เล่นเกมในร้านอินเตอร์เน็ตทำเฟสบุ๊คให้ โดยให้เขาสอน เขาก็ไม่หวงวิชานะ สอนทุกอย่าง สอนการโพสต์ การลงรูป จนเราทำเป็น กลายเป็นเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแห่งหนึ่ง
แต่ทุกอย่างมันก็ไม่ราบเรียบอย่างที่คิด เรากำเงินได้ไม่นาน ทุกอย่างก็ต้องพังทลายหมดเนื้อหมดตัว จากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปี 54 สินค้าเสียหมดเพราะน้ำท่วม ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาอีกครั้ง ดวงนะมีขึ้นมีลง พี่เป็นคนไม่ยอมแพ้ เราต้องสู้ท่องไว้เราต้องสู้ สุดท้ายเราก็กลับมากอบกู้ธุรกิจเราได้อีกครั้งจนมีเงินร้อยล้าน มีบ้าน มีรถ มีทุกอย่างที่เราหวัง
หลังจากที่หลินมีทุกอย่าง หลินก็กลับไปรับลูก ขับเบนซ์ไปเลยนะ แต่ก็ไม่วายที่จะโดนแม่ผัวด่าหาว่าเราไปเป็นเมียน้อย มีผัวเสี่ย รถที่ขับมาก็คงเป็นของเสี่ยคนไหน ซึ่งเราก็ไม่เถียง เพราะไม่อยากพูดอะไร ได้แต่คิดว่าเสี่ยที่ไหนจะมาเอาคนแก่อย่างเรา ไปเอาเด็กวัยรุ่นสวยๆไม่ดีกว่าเหรอ
แม่แกก็คิดได้เนอะ จากนั้นหลินก็รับลูกมาอยู่ด้วย หลินเอาลูกชายอายุ 6ขวบมาอยู่ ส่วนลูกสาวคนโตพ่อเขาไม่ให้ เราตกลงแบ่งลูกกันคนละคน ถามว่าอยากรับมาหมดเลยไหม อยากมากเราก็อยากให้ลูกอยู่อย่างสุขสบายทุกคน แต่ทางพ่อเขาก็มีฐานะ ส่วนเราอยู่ทางนี้เราก็ส่งเสียให้ลูกที่โน้นเหมือนกัน
และต้องมาดราม่าอีกครั้ง ต่อให้เรามีเงินร้อยล้านบางทีมันก็ยื้อชีวิตลูกเราไม่ได้นะ ถ้าเขาไม่ตื่น คือลูกของหลินเขาเป็นคนที่มีเปลือกตาหนามาก พาไปหาแพทย์เฉพาะทาง แพทย์บอกว่าต้องผ่าตัดออก เพราะถ้าไม่ผ่าตัดลูกก็อาจตาบอด เพราะขนตามันตำม่านตา เกิดการอักเสบ ลูกตาปิดลืมตาไม่ได้ แต่ถ้าผ่าตัด ด้วยเด็กวัย 6 ขวบ การวางยาสลบมันก็เสี่ยง 50/50 เพราะเขาเด็กมาก อาจจะไม่ฟื้น
แพทย์ก็ให้เราเลือกว่าจะเอาแบบไหน เราก็ตกลงผ่าตัดดีกว่าเพราะไม่อยากให้ลูกมีปมด้อย ตาบอดตลอดชีวิต แพทย์ก็ให้เซ็นยินยอม หากเกิดการผิดพลาดเสียชีวิตเราต้องยอมรับ
หลังจากผ่าตัดเสร็จ ลูกออกมา เราก็ถามแพทย์ว่าทำไมลูกเรายังไม่ฟื้น แพทย์บอกต้องรอให้เขาฟื้นเอง ไม่สามารถกระตุ้นได้ ถ้ากระตุ้นอาจเสียชีวิตไปเลย แต่ถ้าน้องเขาหลับไม่ตื่นเกิน 10 ชั่วโมงน้องเขาก็จะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย หรือไม่ก็ต้องเป็นเจ้าชายนิทรา
ซึ่งเราก็จะไปโทษแพทย์ไม่ได้เพราะเราเซ็นยินยอมไปหมดแล้ว ได้แต่นอนร้องไห้ รอลูกตื่น ผ่านไป 6ชั่วโมงก็แล้ว 7ชั่วโมงก็แล้ว จนมาถึงหลับไป 9ชั่วโมง ลูกยังไม่ตื่น
ตอนนั้นกอดร้องไห้อย่างเดียว นี่เราพาลูกมาตายเหรอได้แต่โทษตัวเอง หาเงินมาตลอดชีวิตเพื่อให้ฟื้นขึ้นมาเถอะหัวใจแม่จะสลายอยู่แล้ว(ร้องไห้หนักมากๆๆๆ) นี่จะ 10 ชั่วโมงแล้วนะ
ตอนนั้นได้แต่บนฟ้าดินขอให้ลูกปลอดภัย แล้วจะพาลูกไปทำบุญตลอดชีวิต พาไปช่วยเหลือสังคม พาไปช่วยเด็ก จากนั้นไม่นาน ปฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นจริงๆ ลูกขยับมือ รีบบอกหมอบอกพยาบาลว่าลูกฟื้นแล้ว
เวลานั้นบอกเลยเราขอแลกทุกอย่างที่เรามีขอให้ลูกเราฟื้นขึ้นมา พอออกจากโรงพยาบาล ก็พาลูกไปทำบุญ ไปสร้างโบสถ์ สร้างห้องน้ำในวัด สร้างโรงอาหารในโรงเรียน สร้างเครื่องกรองน้ำใหญ่ๆให้โรงเรียนตามชนบท
เรื่องราวดังกล่าวของ คุณหลิน ทำให้คนอ่านที่กำลังท้อแท้หันมาต่อสู้ชีวิต ใครที่เจออุปสรรคมีลูกหรือคนรักป่วยด้วยโรคต่างๆ อย่าท้อแท้ รวมทั้งสอนให้รู้ว่าคนเรามีเงิน ร่ำรวย ต้องสร้างบุญ ทำความดีด้วย !