กลายเป็นกระแสในโลกเชียล เมื่อมีภาพอดีตนักแสดงสาว “ปูเป้-อรหทัย ซื่อศรีสวัสดิ์” คอยดูแลคุณพ่อที่ล้มป่วยด้วยหลายโรครุมเร้าถึงขั้นทำให้ตาบอด ล่าสุดแต่เจ้าตัวเปิดใจกับ “ช่อง 2” บันเทิงมาเต็ม (หมายเลข 38) ประกาศด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมสู้กับมรสุมชีวิตครั้งนี้ หมดเงินไป 6-7 ล้านบท แต่ไม่ขอรับการช่วยเหลือที่เป็นเงิน แต่ขอบคุณทุกน้ำใจที่หยิบยื่นให้
มีข่าวว่าคุณพ่อป่วย ?
“คือข่าวคุณพ่อไม่สบาย ตามองไม่เห็นก็เป็นตามข่าวค่ะ แต่ว่าที่พ่อตามองไม่เห็นเนี่ย ไม่ได้มองไม่เห็นทั้งหมดนะคะ คือตาขวามองไม่เห็น แต่ว่าตาซ้ายจะเห็นในระยะ 1 ฟุต เวลาจะเห็นอะไรก็ต้องเอามาใกล้ๆ ตา”
เกิดจากอะไร ?
“คุณพ่อเป็นเบาหวาน เป็นมาประมาณ 10 ปี แล้วก็เป็นอัมพฤกษ์ด้วย เป็นเส้นเลือดในสมองแตก คราวนี้พอเบาหวานมันอยู่ในขั้นสุดท้ายแล้วมันก็จะขึ้นมาถึงตา ทำเลเซอร์ 3-4 ครั้งแล้วแต่ไม่ดีขึ้น หมอบอกว่าค่อนข้างจะเป็นระยะสุดท้ายของเบาหวานแล้ว ก็เลยปล่อยให้เป็นอย่างนั้นดีกว่า ก็ให้คนในครอบครัวช่วยเหลือกัน”
ทุกวันนี้ต้องดูแลยังไงบ้าง ?
“ดูแลเหมือนเด็ก เขาจะทำอะไรเองไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการขับถ่าย หรือว่าบางทีกินข้าวก็จะใช้มือได้ข้างหนึ่งคือข้างซ้าย แต่ก็จะต้องมีคนคอยตัดคอยหั่นคอยตักใส่ช้อนให้ พูดก็ไม่ค่อยชัดเพราะว่าเป็นอัมพกฤษ์ ลิ้นก็จะแข็ง แล้วก็ตามองไม่เห็นต้องนั่งรถเข็น ไปไหนก็จะต้องคอยพยุง”
ค่าใช้จ่ายในการดูแลเยอะไหม ?
“ค่าใช้จ่ายเนี่ยมันเยอะมาตั้งแต่ช่วงแรก 10 ปีที่แล้ว พอเขาล้ม เส้นเลือดในสมองแตกก็พี่ก็เอาเข้าโรงพยาบาลที่ดีที่สุดเลย ค่าใช้จ่ายถ้าเริ่มตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว คิดว่าน่าจะประมาณ 6-7 ล้าน มันจะค่อนข้างเยอะสำหรับคนเป็นโรคนี้ แล้วก็ตอนนี้พ่อก็ต้องฟอกไต ไตเนี่ยมีค่าไตเป็นศูนย์ไม่สามรถทำงานเองได้แล้ว ต้องฟอกไตวันเว้นวัน การฟอกไตคือการเอาเลือดออกจากร่างกาย เจาะที่คอ แล้วก็เอาเลือดออกไปที่เครื่องฟอก แล้วก็กลับมาที่ร่างกาย หมอก็บอกว่าถ้าเกิดว่าที่คอเส้นมันตันก็จะไม่สามารถฟอกไตได้แล้ว”
พ่อทานยาเยอะ ?
“ค่ะ ทานมา 10 ปีแล้ว”
ต้องดูแลรับผิดชอบพ่อคนเดียวเลย ?
“ใช่ค่ะ เพราะพี่เป็นลูกคนเดียว”
ไม่ค่อยเห็นรับงานในวงการ ค่าใช้จ่ายส่วนนั้นได้มายังไง?
“คือตอนที่พี่ทำงานในวงการเมื่อ 10 ที่แล้วพี่ก็จะมีเงินเก็บของพี่อยู่ก้อนหนึ่ง แต่ ณ ตอนนั้นพูดตรงๆ พอพ่อไม่สบายก้อนนั้นทั้งก้อนเราก็เอามารักษาพ่อหมด หลังจากนั้นก็ค่อยๆ เก็บเงินใหม่ ทำธุรกิจเกี่ยวกับเสื้อผ้านำเข้า มันก็โอเคในระดับหนึ่งนะ เปิดสาขา 4-5 สาขา คราวนี้พอได้เงินก้อนหนึ่งก็เลยมาคิดจะทำอะไรดี ก็เลยทำเกี่ยวกับความงาม อาหารเสริมลดน้ำหนัก เกี่ยวกับผิวพรรณแล้วก็โอเค ธุรกิจไปได้ดีก็เลยมีเงินที่จะเก็บมาช่วยที่บ้าน”
ค่าใช้จ่ายเดือนละเท่าไหร่ ?
“พี่เองพี่จะให้เป็นส่วนตัวพ่อเลย ถ้ารวมก็จะประมาณ 3-4 หมื่นต่อหนึ่งเดือน แต่ตัวพี่เองเนี่ย เรื่องส่วนตัวไม่ค่อยมีแล้ว เพราะว่าเสื้อผ้าเราก็เปิดร้านอยู่แล้วไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายตรงนั้น แต่คราวนี้มันก็จะมีเรื่องที่ต้องรับภาระอื่นๆ ก็คือผ่อนบ้าน ค่ารักษาคุณพ่อก้ประมาณ 4 หมื่นกว่าต่อเดือน เพราะว่าคุณพ่อเป็นครูด้วยก็จะมีส่วนเล็กๆ ที่เบิกได้”
ตอนนี้ก็ไม่ได้ลำบากเรื่องค่าใช้จ่าย ?
“มันผ่านช่วงลำบากมาแล้ว แต่หลายคนอาจจะไม่ได้นรู้ เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วมันจะเป็นช่วงที่ลำบาก ช่วงที่หัวหน้าครอบครัวฟุบลงมา ตอนนั้นพอผ่านมาได้ 2-3 ปีมันก็ค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ”
มีคนยื่นมือเข้ามาช่วยไหม ?
“ไม่มีนะคะ ก็ช่วยตัวเองมาตลอด(หัวเราะ) ครอบครัวเราก็ช่วยกันเอง แล้วอาจจะเป็นว่าคนรอบครัวเราไม่ค่อย เป็นครอบครัวที่ค่อนข้างเข้มแข็ง เหมือนช่วยกันประคับประคองในครอบครัว ช่วยกันเอง ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองลำบากนะ มันก้ผ่านมาแต่ละสเต็ปในชีวิต”
กำลังใจคุณพ่อเป็นไงบ้าง ดื้อไหม ?
“ดื้อ ดื้อเหมือนเด็กเลยคนที่เป็นโรคแบบนี้ก็เข้าใจเขา ในเมื่อเขาเคยเป็นผู้นำ พอวันหนึ่งทำอะไรไม่ได้เลยมันก็จะมีดื้อ มีโวยวาย อารมณ์ไม่ดี อารมณ์เสีย แต่ว่าต้องยกให้คุณแม่ คุณแม่เป็นผู้หญิงที่ทนทุกอย่าง ยอมเขาทุกอย่าง จนแบบพอยอมมากๆ เขาเหมือนรู้ตัวเองว่าฉันไม่ควรเอาแต่ใจตัวเอง ทุกวันนี้ก็เลยโอเคขึ้น อยู่กันแบบสนุกสนาน จริงๆ ครอบครัวพี่ไม่ได้เศร้านะ อยู่กันแบบฮาๆ ตลอด ทุดวัน”
กำลังใจตอนนี้ดีมาก ?
“ดีมากค่ะ ทุกวันนี้ที่พี่ทำธุรกิจได้ค่อนข้างดีก็ส่วนหนึ่งได้กำลังใจจากครอบครัว ถ้ารู้สึกว่ามันท้อมากๆ ก็ถ้าได้กลับบ้านเร็ว ได้ไปเจอกัน ได้กินข้าวเราก็รู้สึกมันดีขึ้น”
หายจากวงการไปเลย ?
“ถ้าหายจริงๆ ไม่รับเลยเนี่ยจะประมาณตั้งแต่พ่อมองไม่เห็น น่าจะประมาณ 3-4 ปีหลังนี้ค่ะ เพราะว่าเราอยากจะใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับเขา หมอก็บอกว่าพ่อเป็นระยะสุดท้ายหลายๆ อย่าง เพราะฉะนั้นพอพี่มีเงินเก็บก้อนหนึ่งพี่ก็คิดว่าเราไม่ได้ขี้เกียจเดี๋ยวเงินเราก็หาใหม่ได้ เวลาตรงนี้ขอไม่รับงานที่มันใช้เวลาครอบครัวเยอะ อยากจะอยู่แล้วก็ไม่ต้องมานั่งเสียใจว่าเราไม่ได้ทำดีที่สุด”
ไม่รับงานเลย?
“ค่ะ ยังไม่ได้รับค่ะ”
ผู้จัดละครมีติดต่อมาไหม ?
“แรกๆ 3-4 ปีก่อนมีบ้าง พอเราไม่รับ เขาก็คงพูดต่อๆ กันเนาะว่าเราไม่รับ ปู้เป้ไม่รับงานแล้ว มันก็เลยค่อนข้างห่างหาย ซึ่งหลายๆ คนตอนนี้ก็ไม่ได้ติดต่อมาแล้ว”
ใจเราอยากจะกลับไปเล่นละครไหม ?
“จริงๆ มันก็เป็นอาชีพที่เรารักเนาะ แล้วเราก็ชอบด้วยแต่ว่าต้องขอบอกเลยว่าตอนนี้ยังไม่รับจริงๆ ค่ะ สำหรับละครเพราะว่าอยากจะใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับครอบครัวที่เรารัก”
พอมีข่าวออกมาเช็กกระแสบ้างไหม ?
“ได้เช็ก sanook.com ออกข่าว คราวนี้น้องที่เขาเป็นคนทำสกู๊ปก็บอกว่าพี่เป้ต้องเข้าไปอ่านนะ ตอนแรกก็ไม่ได่คิดเพราะว่าเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ติดตามเกี่ยวกับเรื่องของโซเซี่ยลมาก ก็เข้าไปอ่าน อ่านให้พ่อฟัง แล้วน้ำตาไหลทั้งพ่อทั้งลูกเลย(น้ำตาคลอ) คือเรามีความรู้สึกว่า เราไม่ได้อยู่กันเองในครอบครัวแล้ว เรามีกำลังใจจากคนอื่นๆ ก็เลยรู้สึกว่าหลายๆ คนนะบอกไว้เลยว่าถ้าเกิดว่าท้อ กำลังใจสำคัญที่สุด รวมถึงพี่กับครอบครัวพี่ด้วยทั้ง 3 คน ก็คือ พ่อ แม่ พี่ ก็ต้องขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกคอมเม้นท์ไม่มีคอมเม้นท์ไหนเลยที่เป็นคอมเม้นท์ที่ไม่ดี เราได้อ่านทุกคอมเม้นท์ แล้วก็จะบอกเลยว่าทุกคอมเม้นท์ต่อกำลังใจให้กับตัวเป้เองแล้วก็ต่อกำลังใจให้กับครอบครัวเราด้วย ต้องขอขอบคุณ(ยกมือไหว้)”
ถ้ามีคนยื่นมือเข้ามาช่วย เช่นเงินบริจาค ?
“ถ้าใครอยากจะช่วยบริจาคเงินนะคะ ขอเลยว่าให้เงินที่คุณคิดจะบริจาค ให้ไปบริจาคกับมูลนิธิที่เขาเดือดร้อนกันจริงๆ คือเป้ไม่ได้เดือดร้อน ตัวเป้เองพอใช้อยู่(ยิ้ม)”
ติดตามรายการ “ช่อง 2” บันเทิงมาเต็ม ที่หมายเลข 38 ตลอด 24 ชั่วโมง และติดตามความเคลื่อนไหวทั้งหมดได้ที่ www.facebook.com/thaich2