สาวๆ รู้กันหรือไม่ว่า พวกคุณกำลังติดนิสัยทำร้ายเส้นผมกันโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นที่มาของผมขาด หลุดร่วง และมีสุขภาพแย่ลง จะมีนิสัยอะไรบ้างนั้น ลองมาเช็คกันด่วน
1. สระผมบ่อยไป
หลายๆ คนรักความสะอาดมากเสียจนคิดว่า การสระผมทุกวันจะทำให้ผมสะอาดมีสุขภาพดี ผมไม่มันและหอมสดชื่น คุณทราบไหมว่านี่คือความคิดที่ผิด เพราะการสระผมบ่อยเกินไปนั้นจะทำให้น้ำมันตามธรรมชาติของเส้นผมถูกล้างออกไป เส้นผมจึงต้องผลิตน้ำมันขึ้นมาใหม่ เมื่อเป็นเช่นนี้เรื่อยๆ ทำให้การผลิตน้ำมันนั้นหมดไปก่อนเวลาอันควร ผลที่เกิดขึ้นคือผมหงอกก่อนวัยนั่นเอง ซึ่งวิธีที่เหมาะสมนั้นคือ สระอย่างมากวันเว้นวัน แล้วใช้เวลาในการล้างผมให้สะอาดหมดจด หลังจากนั้นอย่าลืมเช็ดผมให้แห้งก่อนทำกิจวัตรถัดไปด้วยทุกครั้ง
แต่คุณควรจะผมทันที่หลังทำกิจกรรมต่อไปนี้
1. เที่ยวผับ เพราะผมที่เหนอหนะจากเหงื่อหลายปี๊บที่เกิดจากการเต้นอย่างสุดมันนั้น จะสะสมฝุ่นละอองและความสกปรกได้ดีกว่าปกติอีกเป็นเท่าตัว แถมยังต้องเจอกับควันบุหรี่ที่ทำร้ายผมอย่างแรงเข้าไปด้วย
2. ดูคอนเสิร์ต โดยเฉพาะคอนเสิร์ตที่ต้องกระโดดกันจนเหงื่อชุ่ม
3. เล่นกีฬา ทั้งเปียกทั้งเหม็น แล้วอย่างนี้จะไม่สระอีกหรือ
4. เล่นกีฬาทางน้ำ แหล่งน้ำต่างๆ นั้นถึงจะดูสะอาด แต่จริงๆ แล้วเต็มไปด้วยความสกปรก และเชื้อโรคที่มองไม่เห็น ส่วนน้ำตามสระที่ผสมคลอรีนนั้น ยิ่งต้องรีบกลับมาสระผม เพราะจะกัดและทำลายผมให้แห้งกร้านและเสียได้ ถ้าหาแชมพูกำจัดคลอรีนโดยเฉพาะมาใช้ได้ด้วยก็จะดีมาก
5. เดินช็อปปิ้งที่ตลาดนัดกลางแจ้ง โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อน เพราะตลาดนัดก็เป็นอีกแหล่งหนึ่งที่รวมฝุ่นละอองและความสกปรกไว้มากมาย
6. จัดทรงด้วยผลิตภัณฑ์แต่งผม ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมทั้งหลายนั้นใช้แล้วต้องสระออกให้สะอาดทันทีที่ทำได้ เพราะถ้าปล่อยไว้นานๆ สารเคมีในผลิตภัณฑ์ เหงื่อไคล และสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ จะทำปฏิกิริยากันจนทำให้ผมและหนังศรีษะมีปัญหาได้
7. เมื่อผมเริ่มมันเยิ้มและจับตัวเป็นก้อนๆ ต้องรีบสระเพื่อกำจัดน้ำมันส่วนเกินที่อุดตันตามหนังศรีษะออกไปให้เร็วที่สุด
8. เมื่อผมเริ่มมีกลิ่นเหม็น ซึ่งเป็นสัญญาณแห่งความสกปรกที่มาจากน้ำมัน บวกกับคราบเหงื่อ และความสกปรกที่ตกค้างบนหัวมานาน
9. เมื่อเริ่มรู้สึกคันหัวอย่างรุนแรง โดยไม่ได้เป็นรังแค นั่นแสดงว่าหนังศรีษะเริ่มระคายเคืองจากความมันและสิ่งสกปรก เป็นสัญญาณเตือนว่าสระผมได้แล้ว
10. เมื่อไม่ได้สระผมมาเกิน 2 วัน ก็ได้ฤกษ์สระแล้ว
2. ใช้ความร้อนกับผม
การไดร์ผม ม้วนผม หนีบผม บ่อยครั้ง แน่นอนเลยว่าทำให้เส้นผมเสียได้อย่างไม่ต้องสงสัย ลองนึกถึงผิวเราเวลาโดนอะไรร้อนๆ ยังระคายเคืองได้ แล้วเส้นผมที่โดนลมร้อนหรือโลหะร้อนๆ นานๆ จะไม่แห้งเสียได้อย่างไร ฉะนั้นควรลดความบ่อยในการทำกิจกรรมเหล่านี้กับเส้นผม หรือถ้าต้องทำจริงๆ ควรใช้สเปรย์กันความร้อนฉีดให้ทั่วก่อนทุกครั้ง และหมั่นทำทรีตเมนต์และหมักผมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นอยู่เสมอ
3.ใช้แปรงผมผิดขนาด
ขนาดของแปรงม้วนผมมีส่วนสำคัญต่อสุขภาพผม เวลาไดร์ผมทุกครั้งคุณอาจจะไม่ทราบว่า แปรงขนาดไหนที่เหมาะกับผมของคุณ ให้ใช้ความยาวผมของคุณเป็นเกณฑ์วัด หากคุณผมสั้น ให้ใช้แปรงม้วนขนาดเล็กประมาณ 1 นิ้ว แต่ถ้าผมคุณยาก ให้ใช้แปรงม้วนขนาด 2 นิ้วขึ้นไป เพื่อให้เหมาะสมกับการหวี และไม่ทำให้เส้นผมขาด
4. ละเลยการเล็มผม
ความถี่ที่เหมาะสมในการเล็มปลายผม นั่นคือ 6 – 8 สัปดาห์ต่อครั้ง ไม่ควรละเลยปล่อยให้เนิ่นนานกว่านั้น เพราะการเล็มปลายผมจะช่วยทำให้เส้นผมมีสุขภาพดีอยู่เสมอ และยังดูเข้ารูปเข้าทรง อีกทั้งยังเป็นเวลาที่ให้ผู้เชี่ยวชาญอย่างช่างผมได้ช่วยเช็คสุขภาพผมของเราให้ด้วย
5. ใช้ผลิตภัณฑ์แต่งผมเกินพอดี
การใช้เจล แวกซ์ มูส หรือสเปรย์จัดแต่งผมบ่อยๆ และมากเกินไป จะทำให้เส้นผมมีสุขภาพแย่ลงได้ง่าย ยิ่งถ้าหากไม่ได้รับการทำความสะอาดหมดจดแล้วด้วย จะเป็นการหมักผมสิ่งสกปรกบนหนังศีรษะ ทำให้เกิดสิวบนหนังศีรษะได้ ดังนั้นควรลดปริมาณการจัดแต่งผมให้น้อยลง เพื่อให้เส้นผมได้หายใจบ้าง
6. แสกผมหรือรวบผมตึงไป
การทำผมแบบรวมตึงมากๆ หรือแสกผมตึงไปทางใดทางหนึ่งบ่อยครั้ง จะส่งผลทำให้โคนผมบริเวณนั้นถูกดึงรั้งเกินพอดี เมื่อปล่อยไว้นานย่อมทำให้เสี่ยงต่ออาการหัวเถิกหัวล้านได้ ดังนั้นควรรวบแต่พอดี และสลับสับเปลี่ยนวิธีการทำทรงผมให้ต่างไปเรื่อยๆ จะเป็นการดีต่อเส้นผมมากกว่า
เรียบเรียงโดยเว็บโดดเด่น
Credit : www.Zalora.co.th, http://www.jadtem.com