ที่มา: Kapook.com

พ.ต.ท. สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ พ.ต.ท. ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร แถลงความคืบหน้าคดีที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น กับพวกรวม 6 คน ยักยอกทรัพย์สหกรณ์ฯ กว่า 1.3 หมื่นล้านบาท

58

โดยระบุว่า ภายหลังจากที่ดีเอสไอหารือร่วมกับอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ที่ประชุมร่วมได้มีมติเห็นชอบให้ดำเนินคดีฟอกเงินกับนายศุภชัย รวมถึงดำเนินคดีรับของโจรและฟอกเงินกับผู้ที่มีชื่อรับเช็ค 878 ฉบับ โดยไม่มีมูลหนี้ต่อกัน ซึ่งรวมถึงวัดพระธรรมกาย ที่พบว่ามีการรับบริจาคโดยไม่มีมูลหนี้รวมกว่า 2,000 ล้านบาท ทั้งการบริจาคให้วัดผ่านทางบัญชีของ พระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาส และเข้าบัญชีพระรูปอื่นในเครือข่ายวัดพระธรรมกาย พร้อมกันนี้ ดีเอสไอยังได้มีการตั้งคดีการฟอกเงินเพิ่มเติมอีก 3 คดี ซึ่งคาดว่าไม่น่าใช้เวลาพิจารณาคดีนาน

ขณะนี้ดีเอสไอได้ยึดทรัพย์สินของนายศุภชัยเพิ่มเติม 3 รายการ ประกอบด้วย เงินที่นายศุภชัยโอนให้กับนายสุวิทย์ ฤทธิศร เป็นเงิน 168 ล้านบาท ซึ่งนายสุวิทย์นำเงินจำนวนดังกล่าวไปซื้อที่ดิน 1,984 ไร่ บริเวณ ต.จันทึก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มูลค่า 367 ล้านบาท, ก่อสร้างรีสอร์ทมูลค่า 20 ล้านบาท และซื้อที่ดิน จ.มหาสารคาม เนื้อที่ 3 ไร่เศษ มูลค่า 23 ล้านบาท

ทั้งนี้พนักงานอัยการมีหนังสือส่งถึงดีเอสไอ แจ้งข้อหา นายศุภชัย ศรีศุภอักษร, น.ส.ศรัณยา มานหมัด, นายลภัส โสมคำ และ นายกฤษฎา มีบุญมาก ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์นายจ้างและร่วมกันปลอมแปลงและใช้เอกสารสิทธิ พร้อมกับให้สอบสวนเพิ่มเติมกรณีที่ นายทองพิน กันล้อม และบุคคลอื่นที่ร่วมกันสั่งจ่ายเช็คกับนายศุภชัย รวมถึงให้สั่งฟ้อง นายจิรเดช วรเพียรกุล และ นายวัฒน์ชานนท์ นวอิสรารักษ์ ในข้อหารับของโจร หรือฐานฟอกเงิน

เรื่องน่าสนใจ