ชีวิตแสนรันทด “น้องเมฆ” เด็กชาย 12 ปี แววตาเศร้าหมองไม่แจ่มใสเหมือนเด็กทั่วไป แม่เสียชีวิต พ่อกลับมาอยู่บ้านเกิด สร้างกระท่อมอยู่สวนหลังบ้านญาติ ใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง ดักหนู จับปลา ประทังชีวิตไปวันๆ เนื่องจากพ่อต้องเดินทางรับจ้างตามต่างจังหวัด 1-2 สัปดาห์ ถึงจะกลับมาพบหน้ากัน วอนผู้ใจบุญสนับสนุนทุนการศึกษา
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 12 ก.พ.59 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปโรงเรียนบ้านงิ้วมีชัย ม.7 ต.บ้านตาด อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี หลังทราบข่าวจากสื่อโซเชียลว่า ด.ช.เมฆา ตางจงราช หรือน้องเมฆ อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่อาศัยอยู่กระท่อมท้ายหมู่บ้านตามลำพัง หลังจากแม่เสียชีวิต พ่อต้องเดินทางไปรับจ้างกับนายจ้างตามต่างจังหวัด นาน 1-2 สัปดาห์ ถึงจะกลับมาบ้าน เมื่อเดินทางไปถึง พบกำลังนั่งเรียนกับเพื่อนในชั้นเดียวกัน มีแววตาที่เศร้าและไม่แจ่มใสเหมือนเด็กทั่วไป แต่ก็ตั้งอกตั้งใจเรียน หลังจากตื่นเช้ามืดกินข้าวที่ครูห่อให้ตอนช่วงกลางวัน ช่วยป้ารดน้ำผักในสวน ก่อนที่จะไปตกปลาในสระน้ำหลังบ้าน และวางบ่วงดักหนูนามาทำอาหาร และขายให้เพื่อนบ้าน เพื่อประทังชีวิตอยู่ไปวันๆ ก่อนเดินเท้ามาโรงเรียนอย่างเร่งรีบ
นางนุชจรินทร์ ซ้ายกาละคำ ครูประจำชั้น เปิดเผยว่า การเรียนของ ด.ช.เมฆา ตางจงราช อยู่ในระดับปานกลาง ตั้งใจเรียนและไม่เคยขาดเรียน ไม่เกเร ประพฤติดีน่ารัก แต่อุปนิสัยเป็นคนไม่ค่อยพูดและไม่ร่าเริงเหมือนเด็กคนอื่น น่าจะเป็นสาเหตุปัญหาทางครอบครัวที่หนักพอสมควร ก่อนจะรู้เรื่องราว เวลาเข้าห้องเรียน เช็กชื่อแต่ละวัน ทุกวันเราจะถามเด็กนักเรียน มีความเป็นอยู่อย่างไร ได้เงินมาโรงเรียนเท่าไหร่ โดยให้ยกมือ แต่ ด.ช.เมฆา บางวันก็ไม่ยกมือเพราะว่าไม่ได้เงินมาโรงเรียน
คือบางวันได้เงินจากปู่อายุ 90 ปี ครั้งละ 5-10 บาท บางครั้งก็ได้ บางครั้งก็ไม่ได้ หากวันไหนไม่ได้เงินมาครูก็หยิบยื่นให้เล็กน้อย เพื่อให้เขามีขนมกินเหมือนเพื่อน จากอุปนิสัยที่ไม่ค่อยพูด เราก็เลือกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าห้อง ซึ่งเพื่อนในห้องเรียนทุกคนก็ไม่ได้คัดค้าน เนื่องจากเขาเป็นที่รักของเพื่อนพ้องทุกคน จากการสังเกต เมื่อมีแม่ค้ามาขายขนม เพื่อนจะซื้อขนมแบ่งให้กิน ก็แสดงว่าเป็นที่รักของเพื่อนที่คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
สภาพบ้านที่เราไปพบครั้งแรก คณะครูพากันน้ำตาไหล ซึ่งเป็นบ้านของป้า (พี่สาวพ่อ) ที่ทำไว้ให้อยู่บริเวณหลังบ้านติดกับสระน้ำ หลังจากพ่อของ ด.ช.เมฆา พาครอบครัวเดินทางไปอยู่บ้านแม่ที่ จ.สุพรรณบุรี โดยยึดอาชีพรับจ้างตัดอ้อย กระทั่ง ด.ช.เมฆา อายุ 8 ขวบ แม่ล้มป่วยและเสียชีวิต พอมาอยู่บ้านที่มองดูเหมือนกระท่อมมากกว่า จนเมื่อกลางปีที่ผ่านมา พ่อได้ไปรับจ้างก่อสร้าง ดีดบ้านกับนายจ้างที่ จ.ระยอง เกิดอุบัติเหตุขาหัก นอนรักษาตัวอยู่หลายเดือน ช่วงแรกๆ ทำมาหากินไม่ได้ อาศัยพวกญาติๆ คอยช่วยเหลือ และเงินเดือนปู่ที่ได้จากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุมาซื้อข้าวไว้ให้สองพ่อลูกได้กินประทังชีวิต
บางวันครูถามว่า วันนี้ได้กินข้าวมาหรือยัง ใครทำให้กิน เขาก็บอกว่าทำกินเอง ด้วยการดักหนูนา จับปลาจากสระน้ำหลังบ้าน บางทีป้ากลับมาจาก จ.ปัตตานี ซื้อปลาหมึกแห้งมาให้ ซึ่งปกติแล้วส่วนใหญ่เขาจะใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง หลังจากนายจ้างมารับตัวพ่อไปทำงานบางทียาวนานเป็นสัปดาห์ บางทีเขาก็ไม่รู้ว่าพ่อไปไหน เนื่องจากพ่อไม่ได้บอก เพราะว่านายจ้างไม่ได้นัดแนะหรือบอกว่าจะไปทำงานที่ใด
ด้าน นายสมชาย แก้วมาก ผอ.ร.ร.บ้านงิ้วมีชัย เปิดเผยต่อว่า ทางเราเพิ่งรู้เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 59 ซึ่งทางโรงเรียนจัดทำโครงการเยี่ยมบ้านนักเรียนในสัปดาห์วันครู ตั้งแต่วันที่ 10-16 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยให้ครูผู้สอนแต่ละชั้นเรียน ตั้งแต่อนุบาลถึงชั้นมัธยมปีที่ 3 ตามนโยบายของ ดร.สมุทร สมปอง ผอ.สพป.อุดรธานี เขต 3 พบว่า ด.ช.เมฆา อยู่บ้านที่ดูเหมือนไม่ใช่บ้านตามลำพัง ซึ่งมีพี่สาวอาศัยอยู่กับญาติแม่ที่ จ.สุพรรณบุรี
หลังจากแม่เสียชีวิต ได้มาเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่โรงเรียนแห่งนี้ จากการสอบถามเด็กจนทราบเรื่องราวทั้งหมด คณะครูได้ถ่ายภาพนำเรื่องมาเสนอต่อที่ประชุมในโรงเรียน ประสานผู้นำชุมชนรวมทั้งกลุ่มเพื่อนครูในโรงเรียนทางสื่อโซเชียลให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น เช่น ข้าว เสื้อผ้า โครงการอาหารกลางวันเช้า-เย็น และเงินค่าขนมบ้างเล็กน้อย
ซึ่งทางคณะครูของโรงเรียนหลังทราบเรื่อง ได้จัดการห่ออาหารที่เหลือจากโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียนให้ ด.ช.เมฆา นำกลับไปกินช่วงเย็นและเช้าวันรุ่งขึ้น ส่วนไฟฟ้าก็จะขอต่อพ่วงจากเพื่อนบ้าน และขณะนี้ทางโรงเรียนได้ตั้งคณะครูเปิดบัญชีรับการช่วยเหลือ ด.ช.เมฆา จากผู้ใจบุญ และก็ได้เริ่มรับการติดต่อจากหน่วยงานต่างๆ ที่จะมาให้การช่วยเหลือแล้วในบางส่วน ทั้งนี้เพื่อให้เป็นทุนการศึกษาแก่เขาได้มีทุนในการเรียนระดับสูงขึ้นอีกต่อไป ที่หมายเลขบัญชี 020163543067 ธ.ออมสิน สาขาบ้านดุง ชื่อบัญชี ทุนการศึกษาเพื่อ ด.ช.เมฆา ตางจงราช เบอร์โทรติดต่อ ผอ.โรงเรียน 08-1708-8512.