เรียบเรียงโดย : โดดเด่นดอทคอม
เปิดใจสาว Let me in Thailand คนที่ 5 “กวาง อริสรา” พลิกชีวิตจากสาวร่างอ้วนที่เกิดมากับความผิดปกติทั้งใบหน้าและร่างกาย จากสาวหุ่นอวบอ้วนหน้าใหญ่ กลายเป็นสาวสวยหุ่นดี เจ้าตัวเผยหลังศัลยกรรมต้องดูแลตัวเองอย่างหนัก ยอมรับการดูดไขมันเป็นเรื่องที่ทรมานและหนักใจมากที่สุด
ยังคงเป็นกระแสแรงไม่ตกสำหรับรายการ Let me in Thailand ที่ศัลยกรรมช่วยพลิกชีวิตของหลายๆ คนที่มีความผิดปกติของใบหน้าและร่างกายให้กลับมามีความเชื่อมั่น มีจุดยืนในสังคมอีกครั้ง ล่าสุดได้พลิกชีวิตสาวร่างอ้วน “กวาง อภิสรา” สาวที่นอกจากจะมีปัญหาเรื่องของน้ำหนักตัวแล้ว ยังถูกคนรอบข้างคิดว่าเป็นกะเทยเพราะมีรูปร่างใหญ่กว่าผู้หญิงธรรมดาทั่วไป
กวาง เล่าว่าด้วยความที่เธอมีรูปร่าง-โครงหน้าที่ใหญ่เหมือนผู้ชาย ทำให้มักถูกทักว่าเป็นกะเทยถึงขั้นมีคนเข้ามาขอดูบัตรประชาชน และปัญหาหลักที่เธอตัดสินใจเข้ามาสมัครเป็นสาว Let me in Thailand เพราะมีปัญหาที่คางที่มีลักษณะยื่นจนฟันไม่สบกัน เป็นสาเหตุให้พูดไม่ชัด เวลานอนลิ้นจะจุกที่ปาก ส่งผลให้นอนหายใจติดขัดตลอดเวลา ซึ่งส่งผลให้เป็นอันตรายต่อร่างกายได้
กวางเล่าว่า เธอไม่คิดว่าจะได้เป็นหนึ่งในคนที่ถูกเลือก เพราะหลังจากมาสมัครก็เห็นคนอื่นๆ ที่มีสมัครนั้นมีปัญหามากกว่าที่ตัวเองเป็น และถึงแม้จะไม่ได้รับการคัดเลือกก็ไม่เสียใจ แต่เมื่อโอกาสนั้นมาถึงก็อยากจะคว้ามันไว้ หลังได้รับการคัดเลือกให้เป็นสาว Let me in Thailand คนที่ 5 เธอได้รับการศัลยกรรมปรับโครงสร้างหน้าใหม่ ผ่าตัดขากรรไกรเพื่อแก้ปัญหาเรื่องของฟันไม่สบกัน ซึ่งเป็นปัญหาหลักและอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต
เธอเปิดเผยว่า การผ่าตัดขากรรไกรไม่น่ากังวลเท่ากับการดูดไขมัน เนื่องจากเธอต้องได้รับการดูดไขมันออกทั้งตัวทุกส่วน สร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังต้องอดทนกับการรักษาบาดแผลจากการดูดไขมันอีก… ตลอดระยะเวลา 3 เดือนหลังได้รับการศัลยกรรมเธอได้รับโปรแกรมการดูแลตัวเอง ทั้งการออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร ที่หนักกว่าคนอื่นๆ เพื่อไม่ให้กลับมาอ้วนอีก และทำให้รูปร่างกระชับขึ้น
ปัจจุบันนี้เธอมีน้ำหนักเหลือเพียงประมาณ 60 กิโลกรัม และเธอเพิ่มวินัยในการดูแลตัวเอง เพื่อให้น้ำหนักลดลงมากกว่านี้อีก หลังได้รับการศัลยกรรมเธอมีความมั่นใจมากขึ้น จนมีแรงที่จะสานฝันในการเป็นผู้พิพากษา โดยเธอได้ชื่นชมรายการ Let me in Thailand ว่า “รายการนี้เป็นรายการที่ดี เหมือนกับสร้างความมั่นใจให้เขา ให้โอกาสเขาได้อยู่ในสังคมใหม่”