แพทย์-นักโฆษณา-กูรูความงาม เห็นพ้อง แนะผู้บริโภคใส่ใจศึกษาข้อมูล หวังสื่อมวลชนจับมือวงการโฆษณาตีแผ่ข้อเท็จจริงสู่สังคม ไม่สร้างความเชื่อผิดๆ
วันที่ 11 ม.ค. ผู้เข้าอบรมหลักสูตรการสื่อสารมวลชนระดับต้น (กสต.) รุ่นที่ 4 ซึ่งจัดโดยสถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย ได้จัดเสวนาหัวข้อ “รู้จริง รู้ทัน โฆษณา ก่อนศัลยกรรม หรือใช้ผลิตภัณฑ์ความงาม” โดยมีประธานวิชาการ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านการโฆษณา รวมถึงผู้ที่มีประสบการณ์ผ่านการทำศัลยกรรม ร่วมเป็นวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับหัวข้อดังกล่าว
โดย ศ.นพ.ประวิตร อัศวานนท์ ประธานวิชาการ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การศัลยกรรมในอดีตมีเพียงการผ่าตัด แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่พัฒาขึ้น สามารถทำได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น จึงมีคนบางกลุ่มซึ่งอาศัยช่องทางดังกล่าวโดยเน้นความง่ายและรวดเร็วมาดึงดูด ใจผู้บริโภค หรือที่เรียกว่าหมอกระเป๋า โดยเน้นการให้บริการในราคาถูกและโฆษณาสรรพคุณว่าดี ซึ่งกลายเป็นที่นิยมของคนไทยจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม พบว่ามีหลายกรณีที่หมอกระเป๋าเหล่านั้นเปิดให้บริการลูกค้าทั้งที่ตนเองไม่ ใช่แพทย์และไม่มีกระทั่งประสบการณ์ทางการแพทย์ จึงอยากเตือนให้ผู้ที่ต้องการเสริมหรือทำศัลยกรรมเพิ่มความระมัดระวัง โดยเฉพาะกรณีที่คิดค่าบริการในราคาถูก
ประธานวิชาการ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ให้คำแนะนำว่า ข้อมูลถือเป็นเรื่องสำคัญ ในฐานะผู้บริโภคควรค้นหาข้อมูลโดยละเอียดก่อนตัดสินใจ เนื่องจากช่องทางการเข้าถึงและส่งต่อข้อมูลในปัจจุบันมีหลายช่องทาง โดยเฉพาะจากโซเชียลเน็ตเวิร์กและแอพพลิเคชั่นแชตต่างๆ ที่ถูกส่งต่อไปอย่างรวดเร็วและแพร่หลาย จึงจำเป็นมีการตรวจสอบก่อนตัดสินใจเชื่อหรือส่งต่อ
ด้าน นายสมเจตน์ บุญวิทย์ Executive Creative Director ด้านโฆษณา กล่าวว่า การทำโฆษณาในอดีตเมื่อเปรียบเทียบกับปัจจุบันนั้นแตกต่างกันมาก ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถใช้และตกแต่งให้ดูสวยงามได้ในเวลา โฆษณามีหน้าที่สื่อและโน้มน้าว ผู้บริโภคจึงควรดูและใช้วิจารณญาณควบคู่ด้วย ยอมรับว่าโฆษณาที่ออกอากาศว่าเห็นผลในระยะเวลารวดเร็วนั้นสามารถเป็นจริงได้ แต่ไม่ถึง 100% โดยอาจเห็นผลตามโฆษณาเพียง 80% เท่านั้น เพราะการโฆษณานั้นเป็นการทำเพื่อชวนเชื่อ ซึ่งยอมรับว่าปัจจุบันมีการให้ความสำคัญกับเรื่องเงินทุนมากกว่าจรรยาบรรณ
“โฆษณา ที่ดีที่สุดคือการใช้แบบปากต่อปาก โดยเฉพาะการโฆษณาผ่านศิลปิน นักแสดง ยิ่งทำให้ผู้บริโภคมีความเชื่อและสนใจได้มาก แต่ขณะเดียวกัน ในวงการโฆษณาก็ถือเป็นกลุ่มคนที่มีความสำคัญในการชี้แนะ แม้การทำโฆษณาในปัจจุบันเน้นความสร้างสรรค์ แปลกใหม่ แต่ก็ควรให้ความสำคัญกับเรื่องข้อมูล ขณะที่สื่อมวลชนเองก็มีบทบาทต่อการส่งต่อความเชื่อไปยังผู้บริโภค ดังนั้นข่าวสารหรือโฆษณาจึงควรใส่ข้อเท็จจริงลงไปด้วย เพราะนอกจากเนื้อหาจะเป็นส่วนสำคัญแต่การนำเสนอข้อมูลให้ถึงผู้บริโภคอย่าง แท้จริงก็เป็นส่วนสำคัญเช่นกัน” นายสมเจตน์ กล่าว
ขณะที่ พล.อ.ต.นพ.อิทธิพร คณะเจริญ รองเลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า ในประเด็นเกี่ยวกับความงามสื่อมวลชนก็ถือเป็นผู้มีอิทธิพลที่นำเสนอความ เชื่อสู่บริโภค แม้ประเทศไทยจะมีกฎหมายคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค แต่ปัจจุบันคดีความในการฟ้องร้องเกี่ยวกับความเชื่อหรือการใช้งานจากการ โฆษณาผลิตภัณฑ์ความงาม พบว่ามีจำนวนไม่มาก แต่อย่างไรก็ตาม การโฆษณาก็ถือเป็นปัจจัยหนึ่งในการสร้างความเชื่อแก่ผู้บริโภค
ส่วน น.ส.นนทพร ธีระวัฒนสุข พิธีกรหรือ “หญิงแย้” อดีตพริตตี้คนดัง สาวสมัยใหม่ที่ออกมายอมรับว่าเคยผ่านการศัลยกรรมมาแล้ว กล่าวว่า โดยส่วนตัวหลังจากที่ทำศัลยกรรมชีวิตก็ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่เชื่อว่าส่วนหนึ่งอาจมาจากการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มีคนรู้จักเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ส่วนการทำศัลยกรรมของตนเองครั้งแรกเริ่มทำเมื่ออายุ 20 ปี ซึ่งเริ่มต้นจากการทำจมูก หลังจากนั้นก็เริ่มทำส่วนอื่นๆ ตามมา แต่ในการตัดสินใจทำศัลยกรรมนั้น ส่วนตัวได้เลือกทำกับโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งมีการค้นหาข้อมูลเป็นอย่างดีก่อนตัดสินใจ โดยใช้การค้นหาผ่านเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้และสอบถามคำแนะนำจากผู้ที่เคยทำ ศัลยกรรมอย่างปลอดภัย
“ยอมรับว่าการทำศัลยกรรมของตนเองนั้นเกิดจาก อารมณ์ส่วนตัวที่อยากมีอยากสวยขึ้น แต่ก็ต้องมีการหาข้อมูลเป็นอย่างดีก่อนตัดสินใจทุกครั้ง เพราะโดยส่วนตัวไม่ค่อยเชื่อคำโฆษณามากนัก จึงไม่ค่อยเชื่อในผลลัพธ์ แต่การศึกษารายละเอียดดังกล่าวก็สามารถให้ประโยชน์คือทำให้รู้สรรพคุณยา หรือครีมต่างๆ เพื่อนำไปศึกษาเพิ่มเติมได้ด้วย” หญิงแย้ กล่าว
อดีต พริตตี้คนดัง ยังแนะนำด้วยว่า หากมีความพึงพอใจในใบหน้าอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องตามกระแสการทำศัลยกรรม แต่สามารถใช้การแต่งหน้าหรือพัฒนาบุคลิกภาพเพื่อช่วยให้ดูดีขึ้นได้ เพราะพบว่าผู้ที่เคยผ่านการศัลยกรรมบางคนก็พบปัญหา ว่าแม้จะเคยผ่านการศัลยกรรมมาแล้วแต่ชีวิตก็ไม่เปลี่ยนแปลงหรือดีขึ้น ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าทุกคนจำเป็นต้องพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นด้วย
ขอบคุณที่มา www.thairath.co.th