จากกรณีที่ เน วัดดาว หรือ นายมครินทร์ พุ่มสะอาด อายุ 26 ปี ได้ถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊ก ขณะที่ตัวเองนั้นใช้อาวุธปืนยิงขมับตัวเอง ก่อนที่จะล้มลงไป หลังจากนั้นทางญาติได้นำตัวส่งโรงพยาบาล และล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2559
อย่างไรก็ดี ล่าสุดวันที่ 18 เมษายน 2559 เวลา 09.05 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางยี่ขัน ได้รวบตัว เน วัดดาว เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ในข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง
โดยก่อนหน้านี้ เย็นวันที่ 17 เมษายน ทาง พล.ต.ท. ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. ได้เชิญตัว นางพะเยาว์ พุ่มสะอาด อายุ 80 ปี คุณย่าของเน วัดดาว มาประชุมเพื่อร่วมหาข้อเท็จจริง ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า สถานที่ที่ เน วัดดาว ใช้ก่อเหตุคือบ้านพักในซอยวัดดาวดึงษาราม ซึ่งเป็นบ้านห้องแถวชั้นเดียว ส่วนย่าของเน ให้การว่า ขณะที่กำลังจะไปทิ้งขยะในช่วงเช้าของวันที่ 16 เห็นห้องของเนเปิดอยู่จึงเข้าไปดู และพบว่าเนนอนหลับพิงผนังอยู่ ศีรษะพบเลือดเล็กน้อย จึงเรียกเนให้ไปโรงพยาบาล ตอนนั้นเนก็สามารถลุกเดินไปโรงพยาบาลเองได้ นอกจากนี้ตรวจสอบแล้วไม่พบอาวุธปืนหรือมีดในที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ ย่าของเนยังยืนยันว่า เนไม่ได้ป่วยทางจิต เพราะเลี้ยงดูเองมาตั้งแต่เด็ก
ขณะที่ พล.ต.ท. ศานิตย์ ได้เดินทางไปยังบ้านพักที่ก่อเหตุ พร้อมทั้งให้ย่าของเนจำลองสถานการณ์ด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบในบ้านด้วยตาเปล่า ไม่พบร่องรอยหลักฐานวิถีกระสุน โดยหลักความเป็นจริง หากยิงจากแนวด้านข้าง กระสุนจะต้องไปถูกฝาผนัง และหากยิงแนวเฉียงขึ้นบนจะต้องมีรอยกระสุนบนเพดาน อย่างไรก็ตามต้องรอผลจากผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง ทั้งนี้สอบถามญาติและเพื่อนบ้านทุกคนยืนยันว่า ไม่ได้ยินเสียงปืน และวันนี้ที่ตนเดินทางมาตรวจพิสูจน์เพื่อให้ประชาชนกระจ่างว่า ไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติของ เน วัดดาว ไม่พบหมายจับ ไม่มีคดีติดตัว และไม่พบใบอนุญาตพกพาหรือครอบครองอาวุธปืน ประกอบกับญาติยืนยันว่า ไม่เคยเห็นเน วัดดาว มีปืน แต่อย่างไรก็ดี จะออกหมายเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องเน วัดดาว ทั้งญาติ ภรรยา และผู้โพสต์ พร้อมกับนำตัวเน วัดดาว มาสอบถามข้อเท็จจริงต่อไป ซึ่งหากพบว่ามีกระทำความผิด ไม่ว่าจะด้วยความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 หรือความผิดในข้อหาอาวุธปืน หรือข้อหาอื่น ๆ ก็จะดำเนินคดีทันที และยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
พล.ต.ท. ศานิตย์ ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า อย่าใช้คำว่า “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” มาอ้าง เพราะปัจจุบันสื่อมีมาก สามารถเข้าไปอ่านและทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายและเรื่องที่เกิดขึ้นได้