เปลี่ยนชีวิต สาวคางเบี้ยว ศัลยกรรมให้ชีวิตใหม่

steffies1

สาวลอนดอนเกิดมาคางเบี้ยว ทนทุกข์จากปัญหาสุขภาพของกรามที่ผิดรูป แล้วยังต้องทุกข์กับสายตาของคนรอบข้าง และคำวิจารณ์ว่าเธอเป็นสาวหน้าเบี้ยว เข้ารับการศัลยกรรมถึงสองครั้งเพื่อผ่าตัดปรับกรามให้เป็นปกติ หน้าตาตอนเข้ารูปดีแล้วสวยน่ารักขึ้นเป็นกอง ทั้งยังทำให้ท่าทีที่คนรอบข้างเคยปฏิบัติต่อเธอดีขึ้นกว่าเดิมด้วย

สเต ฟานี่ แกรนท์ สาวลอนดอนวัย 25 ปี ทนทุกข์กับอาการหน้าเบี้ยวคางยื่นและโย้ออกไปด้านข้าง เพราะกระดูกกรามเจริญผิดรูปมานับสิบปี หลังหมอฟันสังเกตเห็นว่าหน้าเธอโย้ผิดสังเกตเมื่อตอนอายุ 11 ปี ก่อนเข้าสู่กระบวนการรักษาอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่มันช่างเป็นช่วงเวลาที่ทรมาน เธอถูกถอนฟันออกไป 7 ซี่ เมื่ออายุ 13 ปี แล้วใส่เหล็กดัดฟันมาตลอดจนถึงอายุ 23 ระหว่างนี้ไม่ได้ช่วยให้หน้ากลับมาเข้ารูปได้ แต่ต้องใส่เพื่อกันไม่ให้กรามบิดโย้ไปมากกว่าเดิม ต้องเผชิญกับความปวดตึงบนใบหน้า แค่ลมพัดปะทะหน้าแรง ๆ ก็ทำให้ปวดได้แล้ว ทั้งยังไม่สามารถเคี้ยว พูดคุย หรือยิ้ม ได้เป็นปกติ บ่อยครั้งถูกเข้าใจผิดว่าชอบทำหน้าบึ้ง คนอื่น ๆ จึงไม่อยากคุยด้วย ทั้ง ๆ ที่จริงเป็นเพราะคางเบี้ยวจึงทำให้ดูเหมือนอารมณ์ไม่ดีตลอดเวลา แถมยังโดนแซวเจ็บ ๆ ว่าเป็นสาวหน้าเบี้ยวด้วย

หลังจากทนใส่เหล็กดัดฟัน และสายตาที่มองว่าเธอเป็นตัวประหลาดจากคนรอบข้างมาตลอด 10 ปี ในที่สุดเมื่ออายุครบ 23 ซึ่งกระดูกกรามหยุดเจริญเติบโตแล้ว สเตฟานี่จึงเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมเป็นครั้งแรก การผ่าตัดใช้เวลาถึง 8 ชั่วโมง ในการจัดกรามเธอใหม่ โดยดันกรามล่างเข้าไป 9 มิลลิเมตร ส่วนกรามบนดึงออกและดันเข้าไปทางกึ่งกลางใบหน้าอีกอย่างละ 2  มิลลิเมตร จากนั้นใส่นอตไทเทเนียมและตัวล็อกเอาไว้ เพื่อให้ตำแหน่งที่จัดใหม่อยู่กับที่ หลังการผ่าตัดผ่านไปอีกหกเดือนและกรามที่บวมยุบลงมากแล้ว เธอจึงเริ่มสังเกตเห็นได้ว่า ใบหน้าของเธอเริ่มสมมาตรกันมากกว่าเดิม มันดูแตกต่างจากหน้าเบี้ยว ๆ ก่อนหน้านี้มาก และรู้สึกว่า นี่ต่างหากคือใบหน้าในแบบที่เธอควรจะเป็น

สเตฟานี่เข้ารับการผ่าตัดอีกครั้ง เมื่อเดือนธันวาคม 2012 เพื่อนำนอตที่ขันเอาไว้ออก และผลที่ได้ในขั้นตอนสุดท้ายนี้ ก็ทำให้เธอรู้สึกว่าคุ้มค่าที่ต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดทั้งด้านร่างกายและ จิตใจมานับสิบปี สเตฟานี่บอกว่า เธอสามารถเคี้ยวอาหารได้ถนัด ใช้ใบหน้าได้ตามปกติ และสามารถยิ้มได้สวย ๆ อย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน ไม่ใช่หน้าที่พยายามยิ้มแล้วแต่คนอื่น ๆ ยังเข้าใจว่าทำหน้าบึ้งอยู่ แน่นอนว่าตอนนี้ความมั่นใจมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก นอกจากนี้ผู้คนรอบข้างก็ดูจะดีกับเธอขึ้นมาก พวกเขายินดีที่จะพูดคุยและยิ้มแย้มกับเธอมากกว่าเดิม แม้ไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือรู้สึกอย่างไรกับมันดี แต่มันก็เป็นสิ่งที่เธอบอกว่าเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนที่สุด

สเตฟานี่ บอกว่า อยากให้คนอื่น ๆ เข้าใจว่า ผู้ที่ศัลยกรรมกรามนั้นไม่ได้ตั้งใจทำเพื่อความสวยงามเพียงแค่อย่างเดียว หากไม่ประสบปัญหาด้วยตัวเอง คงไม่มีใครเข้าใจ่ว่าคนที่มีอาการเช่นนี้ต้องเผชิญกับความทุกข์ทั้งด้านกาย และจิตใจมาอย่างไรบ้าง ตอนนี้เธอได้เขียน บล็อก เพื่อบอกเล่าเรื่องราว แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และให้คำปรึกษากับคนที่เผชิญปัญหาเหมือนกันกับเธอด้วย

steffies2

steffies3

steffies4

steffies5

steffies6

steffies7

steffies8

ขอบคุณเนื้อหาจาก www.kapook.com

เรื่องน่าสนใจ