สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมาระบุว่า วงการสาธารณสุขสหรัฐต้องตื่นตัวขึ้นอีกครั้งหลังพบหญิงรายหนึ่งติดเชื้อแบคทีเรียที่ดื้อยาปฏิชีวนะทุกชนิด หรือ ซุเปอร์บั๊ก สร้างความห่วงกังวลถึงช่วงเวลาที่ยาปฏิชีวนะจะเริ่มใช้ไม่ได้ผลมากขึ้นเรื่อยๆ และเสี่ยงที่โลกจะเข้าสู่ยุคหลังยาปฏิชีวนะ (Post-antibiotic era)
รายงานที่เผยแพร่ในวารสาร “แอนติไมโครเบลเอเจนท์ แอนด์เคโมเธอราพี” วารสารของสมาชมจุลชีววิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ผู้ป่วยเป็นหญิงจากรัฐเพนซิลเวเนีย วัย 49 ปี ที่มีอาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ตรวจพบเชื่อ อีโคไล ที่ดื้อยาปฏิชีวนะทุกชนิดที่รวมไปถึงยา “โคลิสติน” ยาปฏิชีวนะที่เป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับฆ่าเชื้อแบคทีเรียในมนุษย์
โทมัส ฟรีเดน ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐอเมริกา(ซีดีซี) ระบุว่า ยาโคลิสติน เป็นยาปฏิชีวนะชนิดเดียวที่จะใช้กับสิ่งที่เรียกว่าแบคทีเรียที่เป็นฝันร้าย หรือแบคทีเรียซึ่งรู้จักกันในนามซีอาร์อี โทมัส ระบุด้วยว่าเวลานี้ยิ่งเราตรวจสอบเราจะพบเชื้อประเภทนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และเรากำลังเสี่ยงที่จะเข้าสู่โลกยุคหลังยาปฏิชีวนะ หรือ ยุค(Post-antibiotic era)ซึ่งหมายถึงการติดเชื้อแบคทีเรียเพียงเล็กน้อย แต่อาจทำให้คนเสียชีวิตได้ และจะเข้าสู่ยุคล่มสลายทางการแพทย์แผนปัจจุบัน เนื่องจากการผ่าตัดต่างๆ อาทิ ไส้ติ่ง เปลี่ยนหัวใจ เปลี่ยนหรือปลูกถ่ายอวัยะ รวมถึงการรักษามะเร็งด้วยเคมีบำบัดไม่สามารถทำได้ เพราะต้องอาศัยยาฆ่าเชื้อในการป้องกันและรักษาการติดเชื้อ
โดยโทมัส เรียกร้องให้มีการทำการวิจัยเพิ่มมากขึ้นเพื่อพัฒนายาปฏิชีวนะชนิดใหม่ๆ และควบคุมการใช้ยาที่มีอยู่ในปัจจุบันให้ดีขึ้น ทั้งนี้รายงานระบุด้วยว่า ก่อนหน้านี้มีการค้นพบแบคทีเรียดื้อยาที่รู้จักกันในนาม เอ็มซีอาร์-7 ค้นพบในประเทศจีนและในประเทศแถบภูมิภาคยุโรป