หลังจากข่าวคราวของนายคมธนู ควรประเสริฐ หรือ อู๋ อายุ 24 ปี นายแบบโฆษณา และเน็ตไอดอลชื่อดัง บุตรชายของนายกฤษณะ ควรประเสริฐ ผู้ล่วงลับจากเหตุการณ์รถตู้คว่ำบนมอเตอร์เวย์ ซึ่งเป็นเจ้าของโรงเรียนคุ้มเกล้าสกอลา มีนบุรี กรุงเทพฯ และโรงเรียนในเครืออีกหลายแห่งได้แพร่สะพัดออกไป
เจ้าตัวเสียใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างมาก เพราะเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเลยทีเดียว ซึ่งเหตุการณ์ผ่านมา 50 วัน อู๋ คมธนู เพิ่งทำบุญครบรอบให้บิดาไปหมาดๆ
ความเศร้าโศกเสียใจต่อเหตุการณ์ในครั้งนั้นยังไม่ทันเลือนลาง อู๋ คมธนู ต้องมาจัดการกับผลพวงของอุบัติเหตุที่มีคณะครูบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
ครูบางคนไม่พอใจอ้างว่าไม่ได้รับการช่วยเหลือจากทางโรงเรียนคุ้มเกล้าสกอลา บางคนเข้าใจคลาดเคลื่อนจากสื่อที่ออกมานำเสนอเรื่องราวของการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุทำให้เกิดความเสียหายต่อโรงเรียนคุ้มเกล้าสกอลา ( ตามข่าวจากลิ้งค์นี้ http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1469523288 )
ทั้งนี้ ขอย้อนเหตุการณ์กลับไป เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา น.ส.ณัฐชญา กุลชล อายุ 54 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนคุ้มเกล้าสกอลาได้ขับรถตู้ หมายเลขทะเบียน ฮย 6423 กรุงเทพมหานคร กลับจาก จ.ระยอง มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ
เมื่อมาถึงหลักกิโลเมตรที่ 63+500 ถนนมอเตอร์เวย์ ตรงข้ามกับตะวันแดงเก่า ต.ดอนหัวฬ่อ อ.เมือง จ.ชลบุรี ได้เกิดยางระเบิดชนกับแท่งแบริเออร์กลางถนนและพลิกคว่ำเกิดเพลิงลุกไหม้ ทำให้คณะครูเสียชีวิตทั้งหมด 11 คน และบาดเจ็บบางส่วน รวมทั้งนายกฤษณะ ควรประเสริฐ บิดาของนายคมธนู ควรประเสริฐ หรือ อู๋ นายแบบชื่อดังได้เสียชีวิตด้วย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ชีวิตของนายแบบโฆษณา และเน็ตไอดอลชื่อดัง อู๋ คมธนู เปลี่ยนแปลงแบบกะทันหันจากเด็กหนุ่มวัยรุ่นมีงานอดิเรกชอบออกกำลังกายเป็นตัวอย่างให้แก่บรรดาผู้รักสุขภาพทั่วไป
เพราะในฐานะทายาทอันดับหนึ่งต้องก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งบอสของโรงเรียนคุ้มเกล้าสกอลา มีนบุรี รวมทั้งโรงเรียนนานาชาติในเครืออีกหลายโรงเรียนแทนบิดาที่เสียชีวิต
ภาระหน้าที่อันใหญ่หลวงครั้งนี้ นอกจาก อู๋ คมธนู จะต้องเดินหน้าสานต่อเจตนารมย์ของบิดาแล้ว ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุครั้งนั้น อู๋ คมธนู ยังต้องตามแก้ไข เพราะมีครูบาดเจ็บมากมาย ซึ่งบางคนไปร้องเรียนสื่อมวลชนแบบผิดๆ ว่าอู๋ คมธนู ในฐานะลูกชายเจ้าของโรงเรียนไม่ช่วยเหลือทำให้ผู้บริหารหนุ่มน้อยต้องตามแก้ไขอีกหลายเคส
ล่าสุด อู๋ คมธนู โพสต์ว่า “ไม่เคยคิดจะทอดทิ้งใคร แต่จะช่วยเท่าที่ไหว ไม่เคยคิดว่าตัวเองเก่ง แต่จะทำให้ดีที่สุด ใครดีมา เราดีตอบ ใครแย่มา เราก็แย่ตอบ จะคิดอะไร จะว่าอะไรใคร ดูมุมมองจากทั้งสองฝ่ายก่อนอย่าตัดสินคนอื่นฝั่งเดียว ทุกคนมีเหตุผลของตนเองกันทั้งนั้น จะเสพสื่อ จะอ่านข่าว อย่าเข้าใจจากมุมมองฝ่ายเดียวสุดท้ายความกตัญญูนั้นสำคัญถ้าไม่รู้จักบุญคุณของผู้ให้ทำอะไรไปก็ไม่เจริญ”
โดยความจริงคือ อู๋ คมธนู ได้เข้าไปจัดการช่วยเหลือคณะครูอย่างเต็มที่ กระทั่งทำให้ น.ส.ณัฐชญา ต้องออกมาขอโทษ ซึ่งมีการโพสต์ข้อความระบุว่า “วันนี้ครูจอย หน.งานสัมพันธ์ชุมชน ได้รับมอบหมายจากผู้บริหารในการพูดเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจ
ผอ.ณัฐชยา กุลชล พร้อมกันนี้ได้มอบเงินจำนวน 250,000 บาท เพื่อใช้เป็นค่ารักษาพยาบาล โดยหลังจากพูดคุย ทางสามี ผอ.ได้กล่าวแสดงความขอโทษต่อคณะผู้บริหาร คณะครู และโรงเรียน ที่ได้เกิดความผิดพลาดในการประสานงานจากทางสามี ผอ.ณัฐชยา จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าทางโรงเรียนไม่ช่วยเหลือดูแล ผอ.จึงใช้วิธีร้องเรียนผ่านสื่อ และให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนหลายประการ ที่ส่งผลเสียต่อคุณคมธนู และโรงเรียน และขอให้ทางคณะผู้บริหารไม่ฟ้องร้องเอาผิด เพราะเป็นการกระทำที่ขาดสติ
….โดยคณะผู้บริหาร ไม่ติดใจเอาความยึดหลักสันติและความจริง เพราะความจริงจะปรากฎเมื่อเวลาผ่านไป และขอให้เป็นบทเรียนในอนาคต คิดก่อนที่จะทำ หลังจากพูดคุย สามี ผอ.ได้ไปติดต่อเพื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาลส่วนหนึ่ง …
..พร้อมกันนี้ ผอ.ณัฐชยา กุลชล ได้ทำหนังสือลาออกเพื่อขอพักรักษาตัว ทางผู้แทนได้รับไว้และประสานงานต่อไป..”
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และ ปัญหาทั้งหมดถือเป็นความท้าทาย ของ อู๋ คมธนู ที่จะแก้ไข และ สานต่อเจตนารมย์จากบิดาให้คนบนสวรรค์ได้มองลงมาว่าเขาคือตัวแทนที่ดีที่สุดของพ่อแล้ว !!
ทั้งนี้ ครอบครัว ควรประเสริฐ เป็นเจ้าของกิจการโรงเรียนมากมาย เช่น วิทยาลัยเทคโนโลยีเซนต์นีโอ S-TECH อำเภอ ชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ โรงเรียนคุ้มเกล้าสกอล่า เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ โรงเรียนอุ่นไอรักเชียงใหม่ โดยมีนายคมธนู ควรประเสริฐ หรือ อู๋ อายุ 24 ปี เป็นทายาท
ภาพประกอบจากเฟสบุ๊ค อู๋ คมธนู , เสื้อแบรนด์ Zitta