ผู้สื่อข่าวโดดเด่นดอทคอมรายงานว่า กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บุกจับคลินิกเสริมความงาม ชื่อว่า “วีวีไอพีคลินิก” (VVIP Clinic) เปิดโดยไร้ใบอนุญาตมีประชาชนไปใช้บริการร้องเรียน ผลการตรวจพบผู้ให้การรักษาจบแพทย์จากเกาหลีไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมไทย
โดยใช้สเต็มเซลล์ รักษา อ้างทำให้หน้าอ่อนวัยซึ่งยังไม่มีหลักฐานวิชาการรองรับ ลงดาบสั่งปิดคลินิกทันที พร้อม ดำเนินคดี 4 กระทง ผิดทั้งประกอบวิชาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต ขายยาเถื่อน มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000-60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เย็นวันนี้ (19 สิงหาคม 2558) นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองกฎหมาย กรมสบส. พันตำรวจโทอภิชัย ไลออน รองผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.)
เข้าตรวจสอบ คลินิกวีวีไอพีคลินิก (VVIP Clinic) ตั้งอยู่เลขที่ 34/2 ถนนเทียนร่วมมิตร แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กทม. ใกล้บริเวณสถานีรถไฟใต้ดินศูนย์วัฒนธรรมแห่งชาติ เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนหลังฉีดโบท๊อกซ์ แล้วมีอาการหน้าเบี้ยว เกิดอาการแพ้ยา
นาวาอากาศตรี นายแพทย์บุญเรืองฯ กล่าวว่า จากการตรวจสอบสถานพยาบาลแห่งนี้ เป็นคลินิกเสริมความงาม เปิดบริการมาแล้ว 6-7 เดือน มีนางสาวพิชญนันท์ อายุ 28 ปี เป็นเจ้าของกิจการและเป็นผู้ให้บริการด้วย ซึ่งบอกว่าจบแพทย์จากประเทศเกาหลี โดยให้การรักษาด้วยสเต็มเซลล์ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยม
โดยมีการเจาะเลือดใส่หลอดแล้วนำไปปั่นแยกตะกอนจากนั้นจึงนำมาฉีดเพื่อเสริมความงามให้ดูเยาว์วัย ซึ่งคลินิกได้สื่อสารเพื่อจูงใจให้คนหลงเชื่อและมารับบริการ ซึ่งในวันนี้พบของกลางคือ หลอดเลือด 23 หลอด พร้อมเครื่องปั่น 2 เครื่อง และยังมีเวชภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันหลายรายการที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนขออนุญาตจาก อย.
ในเบื้องต้นได้แจ้งข้อหานางสาวพิชญนันท์ 4 ข้อหา ได้แก่ 1) ประกอบกิจการและดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2) ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต มีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 3)
จำหน่ายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 จำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท และ4) จำหน่ายยาโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มีความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“การรักษาด้วยสเต็มเซลล์ยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการรับรอง ขณะนี้กรม สบส.กำลังผลักดันร่างพระราชบัญญัติเซลล์บำบัดเพื่อใช้ในการรักษาโรคให้มีคุณภาพมาตรฐานเพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการรักษาโรคอย่างมีคุณภาพ และเป็นไปตามหลักวิชาการ ประชาชนมีความปลอดภัย” อธิบดีกรม สบส.กล่าว
ด้าน นายแพทย์ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล ผู้ช่วยอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ขอย้ำเตือนในการขออนุญาตเปิดสถานพยาบาลทั้งประเภทค้างคืนและไม่ค้างคืน ใน กทม.จะต้องยื่นขออนุญาตที่กรม สบส. หรือส่วนภูมิภาคยื่นที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
โดยต้องผ่านการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการสถานพยาบาล และได้รับอนุญาตจากกรม สบส.ก่อน ใช้เวลาดำเนินการประมาณ 97 วัน เพื่อตรวจสอบมาตรฐานสถานพยาบาล 5 ด้าน อย่างเคร่งครัด
ทั้งสถานที่ ผู้ดำเนินการ การบริการ เวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ เพื่อดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชน ทุกแห่งจะต้องปฏิบัติตามโดยไม่มีข้อยกเว้นในระหว่างที่รอพิจารณาผู้ขออนุญาตสามารถดำเนินการจัดเตรียมความพร้อมสถานที่ได้ แต่ยังเปิดบริการไม่ได้จนกว่าจะได้รับอนุญาต
ก่อนรับบริการเสริมความงามจากคลินิกต่างๆ ขอให้ประชาชนสังเกตหลักฐานที่พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541กำหนด คือ 1) ต้องแสดงใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล และใบอนุญาตให้ดำเนินการสถานพยาบาลไว้ในที่เปิดเผยและเห็นได้ง่าย
2) สถานพยาบาลจะต้องติดป้ายชื่อ ประเภทและลักษณะการให้บริการของสถานพยาบาล รวมทั้งเลขที่ใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาลซึ่งมีเลขจำนวน 11 หลัก ที่ด้านหน้าสถานพยาบาล และ 3) ให้ติดป้ายชื่อพร้อมรูปถ่าย เลขที่ใบอนุญาตของแพทย์ที่ทำการรักษา ที่หน้าห้องตรวจ-รักษา โดยประชาชนสามารถตรวจสอบแพทย์ที่ทำการรักษาว่าเป็นแพทย์จริงหรือไม่ได้ที่ เว็บไซต์แพทยสภา (www.tmc.or.th)