นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวหลังเป็นประธานในพิธีการเปิดใช้งานและพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อเชื่อต่อระบบบัตร Easy pass และบัตร M-Pass ภายใต้ระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติ (Electronic Toll Collection System: ETCH) ระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และกรมทางหลวง (ทล.) วันนี้ (1 พ.ย.) ว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะทำให้ประชาชนผู้ใช้บริการบัตร Easy Pass ของ กทพ. และบัตร M-Pass ของ ทล. สามารถชำระค่าบริการด้วยบัตรเพียงใบเดียว โดยสามารถวิ่งผ่านช่องเก็บเงินได้ทั้งระบบ Easy pass และ M-pass ใน 9 เส้นทาง ตั้งแต่เวลา 0.00 น. ของวันนี้ (31ต.ค.) เป็นต้นไป
การเชื่อมต่อบัตร M-pass และ Easy-pass จะเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บค่าผ่านทางและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการทางด่วนประมาณ 1.8 ล้านเที่ยวต่อวันและมอเตอร์หลักแสนคนต่อวัน ซึ่ง แนวทางนี้เป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการเชื่อมต่อการเดินทางทุกระบบเข้าด้วยกันในรูปแบบ E-ticket เพื่อส่งเสริมระบบการชำระเงินแบบไม่ต้องใช้เงินสด (Cashless)
“ช่วงแรกค่าเข้าระบบของบัตรแต่ละใบยังคงแยกกันตามเงื่อนไขเดิม แต่อนาคตจะมีการปรับปรุงระบบจัดเก็บค่าผ่านทางพิเศษเป็นระบบ Multilane Free Flow หรือ การนำไม้กั้นออกเพื่อให้รถสามารถผ่านด่านได้โดยไม่ต้องจอดจ่ายค่าผ่านทาง และมีระบบเซนเซอร์อัตโนมัติเชื่อมต่อระบบจัดเก็บค่าโดยสารกับรถทุกคัน ซึ่งตามแผนคาดว่าจะเริ่มใช้ได้ในช่วงปี 2561-2562” นายอาคม กล่าว
สำหรับเส้นทางที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 9 สาย แบ่งเป็น ทางพิเศษของ กทพ. 7 เส้นทางได้แก่ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) ทางพิเศษฉลองรัช (ทางด่วนสายรามอินทรา-อาจณรงค์) ทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่2) ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (ทางด่วนสายบางพลี-สุขสวัสดิ์) ทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางด่วนสายบางนา-ชลบุรี) ทางพิเศษอุดรรัถยา (ทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด) ทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร และทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ของ ทล. 2 เส้นทาง ได้แก่ ทางหลวงหมายเลข 9 (บางปะอิน-บางพลี) และมอเตอร์เวย์ทางหลวงหมายเลข 7 (กรุงเทพฯ-ชลบุรี)