หลังจากที่ทางบริษัท จีเอ็มเอ็มทีวี จำกัด ได้มีหนังสือประกาศบทลงโทษ นายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล หรือ น็อต พิธีกรและนักแสดงในสังกัดแล้วนั้น ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง นายสถาพร พานิชรักษาพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีเอ็มเอ็มทีวี จำกัด ถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่าทางบริษัท ได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง
ผู้บริหารหนุ่มเผยว่า เรื่องผลกระทบมีบ้าง แต่เราเชื่อว่าสังคมยุคใหม่แยกแยะเป็นว่าอันไหนเป็นเรื่องที่เกิดจากการทำงาน อันไหนเกิดจากการกระทำส่วนตัว จากกรณีที่เกิดไม่ได้อยู่ในงาน แล้วส่วนของรายการ “รถโรงเรียน” ที่น็อตเป็นพิธีกรอยู่ จะมีผลกระทบอะไรหรือไม่ ผู้บริหารคนเดิมเผยว่า ไม่มีเพราะรายการถูกงดออกอากาศ เนื่องจากเป็นช่วงงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ต่อข้อถามว่า หลังจากเกิดเรื่องขึ้น ทางน็อตได้เข้ามาพูดคุยหรือปรึกษาอะไรบ้างไหม นายสถาพรเผยว่า เรามีการพูดคุยกัน เมื่อเย็นวาน (6พ.ย.) น้องเข้ามาปรึกษา ก็มีการคุยกันว่าเราจะมีการแถลงข่าวกันวันนี้คือวันที่ 7 พ.ย. ซึ่งเราได้ดูคลิปแล้ว ยังไงน้องก็ผิดเต็มๆ ไม่ว่าเขาจะมาชนรถเราจนเสียหายยับเยิน หรือเขาจะหนีไปสุดหล้าแล้วมาเจอกันอีกที่ 2-3 วัน น้องก็ไม่มีสิทธิที่จะทำอย่างนี้ เพราะมันผิดทั้งศีลธรรมจรรยา และผิดกฎหมาย ก็เลยบอกน้องไปว่าจะมีการแถลงข่าว น็อตต้องยอมรับผิดและขอโทษโดยไม่มีเงื่อนไข โดยน้องบอกว่าหลังเกิดเหตุเขาได้ไปโรงพักแล้วได้มีการขอโทษกับคู่กรณีและคุณแม่แล้ว ซึ่งตนได้บอกน้องไปว่าอันนั้นเป็นการขอโทษคู่กรณีและคุณแม่ แต่อันนี้น้องต้องออกมาขอโทษสังคม ขอโทษต่อหน้าสาธารณชนด้วย โดยไม่มีเงื่อนไข
“ตอนนั้นเป็นการตัดสินใจเบื้องต้นว่าวันนี้ (7พ.ย.) จะมีการแถลงข่าวขอโทษจากน้อง และก็จะมีการแถลงข่าวจากบริษัทเรื่องบทลงโทษ แต่พอตอนดึกเมื่อวานที่น้องไปโรงพักและออกมาให้สัมภาษณ์ เราไม่เห็นด้วยกับคำตอบ วันนี้จึงไม่มีการแถลงข่าว เมื่อน้องผิดเราก็ต้องว่ากันไปตามผิด” นายอัครณัฐ กล่าว ต่อข้อถามว่า เท่าที่สัมผัสและร่วมงานกับ น็อตที่ผ่านมา เขามีนิสัยอย่างไร ผู้บริหารหนุ่มกล่าวว่า “ปกตินิสัยส่วนตัวเขาโอเค น่ารัก เป็นคนมีสัมมาคารวะ อัธยาศัยโอเค”
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ต่อจากนี้จะมีมาตรการหรือการดูแลเด็กในสังกัดอย่างไร นายสถาพรกล่าวว่า “เราก็คุยกับเด็กทุกคนมาตลอด ในกรณีนี้ ต่อให้เราเป็นคนธรรมดาก็ไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนี้ มันผิดทั้งศีลธรรมจรรยาและผิดกฎหมายด้วย และยิ่งเป็นดารายิ่งทำอย่างนี้ไม่ได้ พอเป็นดารามันยิ่งรุนแรงเข้าไปใหญ่ เพราะเป็นคนดังเป็นคนที่ประชาชนรู้จัก เป็นตัวอย่างของเยาวชน เรื่องอย่างนี้เราคุยกันแล้ว โดยพื้นฐานของคนเรา เรื่องการเป็นคนดีต้องมาก่อน”