เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีผู้ป่วยเป็นโรคอ้วนท้องใหญ่บวมจนเดินไม่ได้ น้ำหนักกว่า 200 กิโลกรัม มารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า จ.สมุทรสงคราม โดยผู้ป่วยบ่นว่ากลัวท้องแตก
ดังนั้นจึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่หอผู้ป่วยพระครูอุดมสมุทรคุณ ชั้น 4 อาคารอิสระสุนทร โรงพยาบาลดังกล่าว พบว่าคนไข้รายนี้ชื่อ นายรุ่งโรจน์ ชนะภัย อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/8 ชุมชนวัดธรรมนิมิต เขตเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม
โดยมีน.ส.รัตนา ทองมาก อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/8 ชุมชนวัดธรรมนิมิต เขตเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม มารดาของนายรุ่งโรจน์ คอยเฝ้าดูแล และมีแพทย์หญิงจิราพร บุญโท เป็นเจ้าของไข้ ซึ่งแพทย์ต้องให้ออกซิเจนแก่นายรุ่งโรจน์ตลอดเวลา
น.ส.รัตนา กล่าวว่า ลูกชายหลังจากเรียนจบ ม.3 ขณะนั้นอายุ 15 ปี ก็มีอาการอ้วนน้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเรียนต่อไม่ได้ จึงออกจากโรงเรียนมาช่วยทางบ้านทำงาน เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนโดยรับจ้างเฝ้าบ่อเลี้ยงกุ้งในเครือซีพีที่ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ขณะที่น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นจนเดินไม่ไหว จึงเลิกทำงาน นอนอยู่บ้าน ส่วนตนมีอาชีพรับขนมไทยมาขายต่อตามตลาดนัดได้เงินวันละ 200-300 บาท
ส่วนสามีออกเรือประมงเดือนหนึ่งจึงจะกลับบ้านครั้งหนึ่งหรือนานกว่านั้น แรกๆก็พอเงินรักษาลูกบ้าง แต่เมื่อลูกต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยตนก็ต้องมาเฝ้า ไม่ได้ไปขายขนมทำให้ขาดรายได้ เมื่อเงินหมดก็มีโรคแทรกซ้อน
แพทย์วินิจฉัยว่าลูกชายเป็น โรคความดันโลหิตสูง หัวใจโต และน้ำท่วมปอด แพทย์ให้ยาขับปัสสาวะ ทำให้น้ำหนักเริ่มลดลงบ้าง เมื่ออาการดีขึ้นก็กลับบ้าน และก็เข้าๆออกๆโรงพยาบาลตลอดมา ตนอยากพาลูกไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช แต่ก็ไม่มีเงิน
ปัจจุบันต้องกู้เงินนอกระบบมาใช้ ก่อนนำมาส่งโรงพยาบาลเมื่อวานนี้ลูกชายบอกว่าท้องแข็งมาก และแบะออกด้านข้างนอนตะแคงก็เจ็บกลัวท้องจะแตก จะพาไปโรงพยาบาลศิริราชก็ไม่มีเงิน จึงมาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าสมุทรสงครามเหมือนเดิม
จึงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือจะมี องค์กรการกุศลใดเมตตาช่วยเหลือรับเป็นคนไข้พาลูกชายตนไปรักษาให้หาย จะได้ใช้ชีวิตเป็นปกติเหมือนเดิม ติดต่อได้ที่ โทร 080-577-7890 เพราะขณะนี้ตนไม่มีเงินรักษาลูกแล้ว
ด้าน นพ.สุทธิพงษ์ ศิริมัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า สมุทรสงคราม กล่าวว่า นายรุ่งโรจน์ เข้ามารักษาตัวด้วยโรคอ้วนที่เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน คนไข้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลหลายแล้วครั้งด้วยอาการเดียวกัน แต่ครั้งนี้หนักกว่าเพราะมีอาการน้ำเกิน และหัวใจโตผิดปกติ เนื่องจากน้ำในร่างกายมาก ไม่สามารถขับออกได้ทัน
การช่วยเหลือเบื้องต้นจึงให้ยาขับน้ำออกไป และจำกัดน้ำโดยให้คนไข้กินน้ำแต่น้อย เพราะอาจทำให้หัวใจวายได้ นอกจากนี้ ยังมีการอักเสบของบริเวณขา ต้องให้ยาฉีดฆ่าเชื้อเป็นครั้งคราว แต่ไม่ได้ให้น้ำเกลือตลอดเวลา เพราะกลัวน้ำเกิน ล่าสุดผลการรักษาอาการยังไม่ค่อยดีนัก เพราะคนไข้ยังดื่มน้ำเยอะ ทำให้น้ำมากองบริเวณเอวด้านข้างลำตัว
อย่างไรก็ตาม ระยะยาวทางแพทย์ได้แจ้งญาติคนไข้ว่า โรคอ้วนจากความผิดปกติของฮอร์โมน ทางโรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าสมุทรสงครามไม่สามารถรักษาได้ ต้องส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งหากคนไข้พร้อมทางโรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าสมุทรสงครามก็จะเขียนใบส่งตัวให้ได้ทันที