นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า จากที่มีข่าวทางสื่อมวลชนรายงานกระทรวงเกษตรของเกาหลีใต้ เตือนภัยไข้หวัดนกเป็นระดับสูงสุดเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2559 หลังพบการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกสายพันธุ์เอช 5 เอ็น 6
ในส่วนของประเทศไทยมีรายงานพบผู้ป่วยไข้หวัดนกเอช 5 เอ็น 1 รายสุดท้ายตั้งแต่ กรกฎาคม 2549 โดยมีการบูรณาการทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวของ 3 กระทรวง คือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เฝ้าระวังในคน ในสัตว์ และในสัตว์ปีกธรรมชาติ
สำหรับในช่วงฤดูหนาวเป็นช่วงที่เสี่ยงต่อการระบาดของโรคได้ง่าย ได้กำชับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ดำเนินการ 4 มาตรการสำคัญในการป้องกันควบคุมโรคไข้หวัดนก
ดังนี้ 1.เฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกในพื้นที่ทั้งในคนและในสัตว์ ประสานงานปศุสัตว์และหน่วยงานของกรมอุทยานแห่งชาติฯในพื้นที่ หากพบการระบาดในสัตว์ให้แจ้งเตือนโรงพยาบาลในพื้นที่ทันที เพื่อเตรียมพร้อมด้านการรักษาพยาบาล
2.ให้อาสาสมัครสาธารณสุข เฝ้าระวังหากพบสัตว์ปีกป่วยตายผิดปกติ รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข รวมทั้งแจ้งเตือนประชาชนป้องกันการติดเชื้อ โดยไม่นำเอาสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตายมาชำแหละหรือรับประทาน กรณีพบผู้ป่วยสงสัยโดยมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ร่วมกับมีประวัติสัมผัสสัตว์ปีก หรือมีประวัติอยู่/ไปในพื้นที่ระบาดของโรค แนะนำให้พบแพทย์ทันที
3.ประชาสัมพันธ์การป้องกันโรคไข้หวัดนกให้ประชาชนรับทราบอย่างทั่วถึง ให้คำแนะนำแก่ผู้เดินทางไปพื้นที่มีรายงานผู้ป่วยหรือสัตว์ปีกติดเชื้อ 4.เผยแพร่ข้อมูลความรู้และแนวทางในการคัดกรองและดูแลรักษาผู้ป่วยโรคไข้หวัดนก ตามแนวทางกระทรวงสาธารณสุข ให้แพทย์ทั้งภาครัฐและเอกชนในจังหวัดทราบอย่างทั่วถึง และสั่งให้บุคลากรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโรคไข้หวัดนก ดังนี้ ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ ก่อนและหลังปรุงอาหาร ก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ สวมหน้ากากอนามัยเมื่อเป็นหวัด
ไม่นำสัตว์ปีกที่ป่วยหรือป่วยตายมารับประทาน รับประทานเป็ดไก่ได้ตามปกติขอให้ปรุงสุกและชำแหลอย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีก ไม่ให้เด็กเข้าใกล้สัตว์ป่วย และหากมีสัตว์ปีกตายผิดปกติ ให้แจ้งอาสาสมัครสาธารณสุขหรือผู้นำชุมชนทันที เพื่อทำลายซากสัตว์ปีกอย่างถูกวิธีและจำกัดการแพร่ระบาดระบาดของโรค
สำหรับการเดินทางไปต่างประเทศที่มีการระบาดของโรค ไม่มีข้อห้ามสามารถเดินทางไปได้ตามปกติ แต่ขอให้ระมัดระวัง ไม่เข้าใกล้สัตว์ปีก และล้างมือบ่อยๆ หากมีไข้ ไอ เจ็บคอ หอบเหนื่อย และมีประวัติสัมผัสกับสัตว์ปีกให้สวมหน้ากากอนามัย รีบไปพบแพทย์ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สายด่วน กรมควบคุมโรค โทร.1422 ตลอด24 ชั่วโมง
เครดิตภาพจาก สำนักข่าวไทย