ที่มา: dodeden

ผู้สื่อข่าวโดดเด่นดอทคอม รายงานว่า ได้มีจดหมายเรียนเชิญสื่อมวลชนร่วมงานการเปิดตัวภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติวีรบุรุษที่ถูกลืม “๔๐๐ นักรบ ขุนรองปลัดชู – The 400 Bravers” ในวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2560 เวลา 11.00 น. ณ เพนียดคล้องช้างอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา  โดยจะมีเบื้องหลังฉากการถ่ายทำที่ยิ่งใหญ่ “การรบระหว่างขุนรองปลัดปลัดชู และทัพพม่าของ พระเจ้าอลองพญา”

โดยขุนรองปลัดชู ถูกช้างพลายปีศาจของทัพพม่าฆ่าตายอย่างสมศักดิ์ศรี ณ ที่แห่งนี้ ซึ่งประกอบด้วยนักแสดงนำของเรื่อง และนักแสดงสมทบต่าง ๆ เข้าฉากกว่า 400 คน !!!

อาทิ พยัพ คำพันธุ์ (แสดงเป็นปู่คง) , ต้อย เมืองนนท์ ( แสดงเป็นพระเจ้าอลองพญา ) ,เอ็กซ์ พรเลิศ พระเอกกรมศิลป์ฯ (แสดงเป็นขุนรองปลัดชู) , ขจรศักดิ์ รัตนนิสสัย , ต๊อก ศุภกรณ์ , เอ็กซ์ไฮแจ็ค , ต๊ะ บอยสเก๊าท์ , โจ้ จักรกฤษณ์ , เต้นันทศัย , สามารถ พยัคฆ์อรุณ  ฯลฯ


ทั้งนี้  พยัพ คำพันธุ์ นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย ปัจจุบันอายุ 60 กว่าๆ  ดำรงตำแหน่ง นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่อง พระบูชาไทย และประธานชมรมพระเครื่องมรดกไทย ตั้ง อยู่ที่ สมาคมผู้นิยมพระเครื่อง พระบูชาไทย ชั้น 3 อาคารพันธุ์ทิพย์พลาซ่า งามวงศ์วาน

โดยการเข้ามารับบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ นับเป็นครั้งแรก ในภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ของ  นักเลงพระรุ่นเดอะ “พยัพ คำพันธุ์”   ซึ่ง “ ๔๐๐ นักรบ ขุนรองปลัดชู – The 400 Bravers”  มีเนื้อเรื่องย่อว่า ในปี พ.ศ. 2302 หลังการสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ดาวหางฮัลเลย์ได้โคจรผ่านโลกเสมือนหนึ่งลางร้าย ขุนรองปลัดชู ครูดาบอาตมาทและนายหมู่บ้านแขวงเมืองวิเศษไชยชาญ ได้ไปยังกรุงศรีอยุธยาพร้อมกับกรมการเมืองผู้ใหญ่ เพื่อเฝ้าสถานการณ์การผลัดแผ่นดิน

ขุนรองปลัดชูเฝ้ามองดูสถานการณ์ของบ้านเมืองด้วยความเป็นห่วง เนื่องจากการผลัดแผ่นดิน เจ้านายในพระราชวังแย่งชิงพระราชบัลลังก์ ขุนนางก็แตกแยกสนับสนุนแต่ละฝ่ายกัน เจ้าสามกรม ถูกกุมตัวไปประหารชีวิตยังวัดโคกพระยาแล้ว พระเจ้าอุทุมพร ขึ้นเสวยราชสมบัติยังมิทันได้ 2 เดือน

เจ้าฟ้าเอกทัศ พระบรมเชษฐาแสดงเจตนาชัดเจนว่า ต้องการขึ้นเสวยราชย์เอง ด้วยการประทับอยู่ในพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์ ซ้ำยังการเข้าเฝ้าบางครั้งยังพกเอาพระแสงขรรค์ขึ้นวางพาดตัก พระเจ้าอุมทุมพรยอมหลีกให้พระบรมเชษฐาขึ้นเสวยราชย์แต่โดยดี โดยพระองค์เสด็จออกผนวช แม้น กรมหมื่นเทพพิพิธจะเสด็จหนีราชภัยออกผนวชเช่นกัน แต่ก็ไม่พ้นถูกกำจัดด้วยน้ำมือของตัวขุนรองฯเอง แม้นตัวขุนรองฯจะไม่เข้าข้างผู้ใดและสลดใจกับเหตุการณ์ที่คนในชาติเดียวกันต้องมาเข่นฆ่ากันเองก็ตาม

ในเวลาเดียวกัน ทางอังวะ พระเจ้าอลองพญาสถาปนาตนเองขึ้นครองราชย์ หลังจากปราบปรามมอญได้สิ้น โดยมีพระราชบุตรมังระ  และมังฆ้องนรธา เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญ ที่ตะนาวศรีทางฝ่ายอยุธยาได้ริบเรือสินค้าของอังวะไป พระเจ้าอลองพญาเห็นเป็นจังหวะเหมาะ

ประกอบกับได้สดับรู้ความของพระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่ของอยุธยาว่า โฉดเขลา ไม่เป็นที่ยอมรับของราษฎร โดยที่พระองค์ต้องการจะทำสงครามเพื่อให้อาณาประชาราษฎร์และสมณชีพราหมณ์ได้เป็นอยู่อย่างเป็นสุข

เมื่อขุนรองฯได้กลับวิเศษไชยชาญ ได้เล่าเรื่องราวที่ตนเองประสบพบเจอมาที่อยุธยา พร้อมย้ำอยู่เสมอว่า บ้านเมืองอ่อนแอ เหมือนบ้านไม้ที่ถูกปลวกมอดกัดแทะ แม้ต้องลมเพียงนิดก็จะพังทลายทั้งหมด ต้องเตรียมทำสงคราม สู้เพื่อวิเศษไชยชาญ

โดยรวบรวมอาสาสมัครได้ 400 คน ฝึกดาบอาตมาท และอาบน้ำว่านเพื่อปลุกขวัญกำลังใจและอยู่ยงคงกระพัน เดินทางไปยังด่านสิงขรเพื่อสกัดกั้นทัพพม่า โดยที่กรมการเมืองวิเศษไชยชาญได้แจ้งไปยัง พระยารัตนาธิเบศร์ ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในอยุธยาได้ทราบแล้ว และจะยกทัพไปสมทบ

แต่เมื่อได้ปะทะกับทางพม่าแล้ว ขุนรองฯได้ใช้ป่าชายเลนริมหาดซุ่มโจมตี แม้ตัดกำลังพม่าได้ส่วนหนึ่ง แต่เมื่อทางพม่าโต้กลับก็มิอาจทานได้ ทั้งหมดจึงหนีไปอยู่ริมหาด และถูกฆ่าตายทั้งหมดด้วยการจับกดน้ำและใช้ช้างกระทืบ ด้วยทั้งตัวขุนรองปลัดชูด้วย

ก่อนตาย ขุนรองฯเหลือบเห็นทัพของพระยารัตนาธิเบศร์ที่สัญญาว่าจะยกมาช่วยยืนมองอยู่ห่าง ๆ โดยไม่มาช่วยจริงดังคำที่ว่าไว้ ขุนรองฯรู้สึกสลดกับเหตุการณ์และระลึกถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้น

เรื่องน่าสนใจ