จากกรณี การจับกุม นายนิธินนทน์ ศรีธานิยานันท์ อายุ 25 ปี พร้อมถังไนโตรเจน ได้ที่จังหวัดหนองคาย เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2560 โดยนายนิธินนทน์ อ้างว่าได้รับการว่าจ้างนายยู ลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ให้มารับถังไนโตนเจนที่บรรจุอสุจิจากคลินิกเอกชนในกรุงเทพฯ และนำข้ามไปยังคลินิกเอกชน นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตั้งแต่ปี 2559 โดยได้ค่าจ้างครั้งละ 5,000 บาท นั้น
ผู้สื่อข่าวโดดเด่นดอทคอม รายงานว่า วันนี้ (21 เมษายน 2560) นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า นายแพทย์วิศิษฎ์ ตั้งนภากร อธิบดีกรมสบส. ได้สั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่จากสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ และกองกฎหมาย ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ในสถานพยาบาลเอกชน ตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง ป้องกัน มิให้มีการซื้อขายอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน รวมทั้งกระทำการเป็นคนกลาง นายหน้า
หรือ ชี้ช่องทางให้มีการรับตั้งครรภ์แทน ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่สามารถยอมรับได้ ผิดทั้งกฎหมาย มนุษยธรรม และศีลธรรมอันดี โดยขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดี
ทั้งนี้ กรม สบส. ขอเน้นย้ำให้ สถานพยาบาลที่ให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ และคู่สมรสที่มีบุตรยาก ศึกษาและปฏิบัติตามกฎหมาย พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 อย่างเคร่งครัด หากกระทำการซื้อ ขาย นำเข้า หรือส่งออก ซึ่งอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากเป็นคนกลาง นายหน้า หรือชี้ช่องทางให้มีการรับตั้งครรภ์แทน ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายแพทย์ธงชัย กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีสถานพยาบาลที่ให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ จำนวน 704 แห่งทั่วประเทศ เพื่อป้องปราม มิให้เกิดการกระทำผิดขึ้นอีก จึงได้มอบหมายให้ พนักงานเจ้าหน้าที่จากกลุ่มคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ สพรศ.ตรวจเข้มสถานพยาบาลที่มีการให้บริการเทคโนโลยีฯ ในเขต กทม.
พร้อมประสานไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ให้ตรวจสอบสถานพยาบาลพื้นที่ให้ปฏิบัติตามที่กฎหมาย และหากประชาชนพบเห็นการซื้อขายอสุจิ ไข่ ตัวอ่อน การเป็นนายหน้า หรือรับจ้างอุ้มบุญ สามารถแจ้งเบาะแสมาที่สายด่วนคุ้มครองผู้บริโภค 02 193 7999 กรม สบส.จะดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายโดยไม่มีการละเว้นแต่อย่างใด