อีกประเด็นที่คนไทยให้ความสำคัญ โดยเฉพาะสาวไทยที่ต้องการไปเที่ยวที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2560 เจ้าของเฟสบุ๊ค Punnabhat Sri ได้โพสต์บอกเล่าประสบการณ์อันเลวร้ายในการถูกกักตัวที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ และสุดท้ายถูกส่งตัวกลับประเทศไทย ไม่ได้เที่ยวเกาหลีใต้ตามที่แพลนไว้
โดยเธอเล่าว่า เริ่มด้วยการเตรียมตัวไปเกาหลีใต้พร้อมเพื่อนอีก 6 คน เตรียมตัวกันมา 6 เดือน จองตั๋วไป-กลับ ของการบินไทย เดินทางวันที่ 12 พฤษภาคม ถึง 13 พฤษภาคม เวลา 07.00 น. ที่เกาหลีใต้ เมื่อลงจากเครื่องตนและเพื่อน ๆ จึงเดินมาต่อคิวที่จุดตรวจคนเข้าเมือง พอมาถึงคิวตน ตม. กลับไม่ให้ผ่าน
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงพาตนเข้าไปห้องสอบสวน โดยมีทั้งหมด 3 จุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ซักถามว่า มาทำอะไร มากับใคร มากี่คน มีเงินเท่าไหร่ และมีใบให้กรอกข้อมูล ระหว่างนั่งรออยู่นั้น ก็เริ่มมีคนเข้ามาเรื่อย ๆ จน 100 กว่าคน ในเวลา 5 ชั่วโมง ซึ่งในห้องนั้นแออัดมาก ไม่มีน้ำให้กิน และขอก็ไม่ได้
เมื่อมาถึงคิวของตน เจ้าหน้าที่จะให้คุยโทรศัพท์โดยให้ล่าม (คนไทย) ที่อยู่ในสายแปล ซึ่งขณะนั้นตนได้หยิบเอกสารขึ้นมาเรียงบนโต๊ะ โดยมีตั๋วเครื่องบินระบุไฟล์ทไป-กลับ เอกสารการจองโรงแรม พร้อมหลักฐานการจ่ายเงิน ประกันที่ซื้อตอนเดินทาง เส้นทางรถไฟของเกาหลีใต้ และแพลนการเที่ยวในแต่ละวัน
โดยคำถามแรกเจ้าหน้าที่ถามว่า คุณมาทำอะไร มากี่วัน มากับใคร คำถามสองคือ ไหนลองบอกว่าคุณจะไปที่ไหนบ้าง ตนจึงก้มดูแพลนที่เตรียมไว้ ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่ก็มากระชากแพลนเที่ยวที่กำลังดูอยู่ออกไป แล้วถามว่าเพื่อนคุณอยู่ไหน ตนจึงตอบว่าเพื่อนผ่านหมดแล้วรออยู่ด้านนอก แต่ ตม. กลับตอบว่าเพื่อนไม่รอคุณ คุณมาคนเดียว ถึงแม้ตนจะพยายามเอารูปให้ดูก็ตาม
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังถามตนว่า เกาหลีมีอะไรดี ตนบอกไปว่ามีซีรีส์ สถานที่เที่ยว และอาหารอร่อย เช่น ปิ้งย่าง แต่ล่ามกลับสวนมาว่า ถ้าจะกินปิ้งย่างกินที่ไทยเถอะค่ะ ที่ไทยก็มี และยังมีคำถามอื่น ๆ ตามมา ซึ่งเป็นคำพูดและสายตาที่แย่มาก
สุดท้าย ตม. บอกว่าตนไม่ผ่าน ต้องกลับเมืองไทย ซึ่งขณะนั้นมีคนถูกกักตัวประมาณ 100 กว่าคน คนไทยเยอะมาก และเป็นเวลา 7 ชั่วโมงแล้วที่ยังไม่ได้กินอาหาร มีเพียงขนมปังและน้ำที่ทาง ตม. ให้ไว้
หลังจากนั้น 9 ชั่วโมงผ่านไปในการรอเรียกชื่อกลับ ใครที่ได้กลับก็จะมาร่ำลากัน ซึ่งคนที่อยู่ในนี้ช่วยเหลือแบ่งปันกันมาก ให้ยืมที่ชาร์จแบตเตอรี่มือถือ กระทั่งเวลา 2 ทุ่มครึ่ง ตนจึงได้กลับ จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่พามาขึ้นเครื่อง เมื่อมาถึงประเทศไทยก็พาตนไปที่ ตม.ไทย เพื่อทำเรื่องรับพาสปอร์ตคืน ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้บอกว่าที่นี่ถูกส่งตัวกลับทุกวัน วันละ 100-300 คนจากเกาหลี
นอกจากนี้ เจ้าของเฟสบุ๊คยังโพสต์ ส่งท้ายว่า ประเทศคุณควรแยกแยะว่าใครที่มีหลักฐานกับคนที่ไม่มีหลักฐานมันไม่เหมือนกัน เสียทั้งเงิน เวลา จิตใจ แบบนี้ให้ขอวีซ่าเข้าประเทศจะดีกว่า…สรุปไปเกาหลีหรือเล่นเกมวัดดวงคะ ที่เขียนไว้ถือว่าเล่าประสบการณ์ที่แย่ในต่างเมืองให้ฟังค่ะ