สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม หนุ่มเกย์อินโดนีเซีย 2 คน อายุ 20 ปี และ 23 ปี ถูกจับขึ้นเวทีเฆี่ยนประจานต่อหน้าฝูงชนนับพันคน กลางกรุงบันดาอาเจะห์ เมืองเอกของจังหวัดอาเจะห์ ที่เป็นพื้นที่เดียวที่บังคับใช้กฎหมายอิสลามในอินโดนีเซีย โทษฐานกระทำผิดกฎหมายอิสลามในข้อหารักร่วมเพศ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการลงโทษด้วยการเฆี่ยนตีจากการกระทำผิดข้อหารักร่วมเพศในอินโดนีเซีย
การลงโทษด้วยการเฆี่ยนประจานมีขึ้นบนเวทีที่ตั้งขึ้นหน้าสุเหร่าในกรุงบันดาอาเจะห์ โดยมีฝูงชนนับหลายพันคนแห่กันมาดูด้วยสายตาเยาะหยันและมีการโห่ใส่ 2 หนุ่มเกย์ที่ถูกลงโทษซึ่งยืนก้มหน้าให้เจ้าหน้าที่ที่สวมชุดดำและสวมหน้ากากปิดหน้า เฆี่ยนโบยด้วยหวายเรียวยาวคนละ 83 ครั้ง ซึ่งได้รับลดหย่อนไป 2 ครั้ง เนื่องจากทั้งคู่รับโทษจำคุกไปแล้วก่อนหน้านี้
นายอับดุล กานี อิซา สมาชิกสภาครูสอนศาสนาอาเจะห์ กล่าวก่อนการลงโทษว่า การทำโทษเกย์ทั้ง 2 คนนี้ต่อหน้าฝูงชน เพื่อเป็นการให้บทเรียนแก่ประชาชน และว่า การลงโทษนี้เป็นไปตามกฎหมายอิสลามที่ผ่านการไตร่ตรองและไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ทั้งนี้ ผู้กระทำผิดทั้งสองถูกกลุ่มคนที่ตั้งตัวเองเป็นศาลเตี้ยเข้าไปจับกุมถึงบ้านพักของคนทั้งสองตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยภาพที่มีการใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกเอาไว้ซึ่งแพร่อยู่ในโลกออนไลน์เผยให้เห็นกลุ่มคนที่เข้าไปในบ้านพักหลังดังกล่าวรุมทำร้ายเกย์ทั้งสองคนนี้อย่างไม่ปรานี
ข่าวแจ้งว่า ที่ผ่านมาการลงโทษด้วยการเฆี่ยนโบยต่อหน้าสาธารณชนในจังหวัดอาเจะห์ มักเป็นฐานความผิดอย่างเล่นการพนันและดื่มสุรา แต่การลงโทษในฐานความผิดมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกันดั่งกรณีนี้ถือว่ามีขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากกฎหมายอิสลามกำหนดให้การมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย มีผลบังคับใช้ในจังหวัดอาเจะห์เมื่อ 2 ปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี การเป็นคนรักร่วมเพศไม่ได้เป็นสิ่งผิดกฎหมายในพื้นที่อื่นของอินโดนีเซียนอกเหนือจากจังหวัดอาเจะห์
ด้านองค์การนิรโทษกรรมสากล เป็นหนึ่งในกลุ่มนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิที่เรียกร้องให้ทางการท้องถิ่นอาเจะห์ระงับโทษเฆี่ยนชายชาวเกย์ทั้ง 2 คนดังกล่าว โดยชี้ว่าการทำโทษด้วยการเฆี่ยนตีนี้เป็นวิธีการที่โหดร้ายและยังอาจเข้าข่ายการทำร้ายร่างกายด้วย